โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ระดับ LUXURY 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุด All-New Toyota Alphard / Vellfire MY2023 โดย MPV ตัวใหม่นี้จะเป็น Generation ที่ 4 ถูกพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร ที่ผสาน 2 พลังของมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี E-Four ใหม่ ชูจุดเด่นด้วยประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.9 กม./ลิตร
สำหรับ All-New Toyota Alphard / Vellfire ที่เปิดตัววางจำหน่ายในไทย จะมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Alphard 2.5 HEV, Vellfire 2.5 HEV และ Alphard 2.5 HEV Luxury
ในด้านงานดีไซน์ภายนอกของ Alphard และ Vellfire ใหม่ มาพร้อมงานดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซปต์ “Forceful x Impact Luxury” ตัวถังจะได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด กระจังขนาดใหญ่ทั้ง 2 รุ่น แต่จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป โดย Vellfire จะมากับ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น ส่วนในตัว Alphard กระจังที่เป็นตารางสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม และเป็นครั้งแรกที่ได้่รับการติดตั้งโลโก้สามห่วง ที่เป็นสัญลักษณ์ของทางแบรนด์

ในรุ่น Alphard 2.5 HEV จะได้รับชุดไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED พร้อมไปเลี้ยวแบบ Sequential, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว, หลังคา Twin Moonroof, ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย
การออกแบบภายใน เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet
คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว มาพร้อม Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า
แผงแดชบอร์ดจะได้รับจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ, หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว, ระบบนำทาง Navigator และระบบเชื่อมต่อ T-Connect รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า
Alphard 2.5 HEV มีให้เลือก 3 สี ดังนี้ สีขาว Platinum White Pearl ภายในโทนสีเบจ, สีดำ Black ภายในโทนสีเบจ และสีเทา Precious Metal ภายในโทนสีดำ

ส่วนในรุ่น Vellfire 2.5 HEV จะมากับชุดไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, กันชนหน้าและหลัง ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE, ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว, หลังคา Twin Moonroof, ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย
ภายในห้องโดยสารของ Vellfire 2.5 HEV เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet
คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว, Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า และระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง JBL 15 ตำแหน่ง ขณะที่แผงแดชบอร์ดจะเหมือนกับในรุ่น Alphard 2.5 HEV
Vellfire 2.5 HEV มีให้เลือก 3 สี สีขาว Platinum White Pearl ภายในโทนสีดำ, สีดำ Black ภายในโทนสีดำ และสีเทา Precious Metal ภายในโทนสีดำ

รุ่น Alphard 2.5 HEV LUXURY ที่มาพร้อมเบาะที่นั่งโดยสารระดับเฟิร์สคลาส ออกแบบภายนอกจะเพิ่มความพิเศษด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมตราสัญลักษณ์ Executive Lounge, หลังคา Twin Moonroof และฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย
ภายในเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระแบบ Executive Lounge ปรับได้ 10 ทิศทาง เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet พร้อมโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ พร้อมตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku
เพิ่มความใหรูหราด้วยวัสดุบุนุ่มทั่วห้องโดยสาร, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและหลัง
คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว, Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง
Alphard 2.5 HEV Luxury มีให้เลือก 3 สี สีขาว Platinum White Pearl ภายในโทนสีน้ำตาล Sunset Mocha, สีดำ Black ภายในโทนสีนำ้ตาล Sunset Mocha และสีเทา Precious Metal ภายในโทนสีดำ
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Toyota Alphard / Vellfire จะมากับขุมพลังไฮบริดที่เป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ให้กำลัง190 แรงม้า แรงบิด 236 นิวตันเมตร ทำงานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง ให้กำลัง 54 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร
เมื่อทั้งสองทำงานร่วมกันจะให้กำลังรวม 250 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-FOUR มีโหมดการขับขี่ มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Normal Mode, ECO Mode และ EV Mode
ระบบกันสะเทือนด้านหน้า เป็นแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง, ด้านหลัง เป็นแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลง
ด้านระบบความปลอดภัยติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัต, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้งด้วยระบบ All-speed DRCC, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบรักษารถให้อยู่ในเลนด้วยการหน่วงพวงมาลัยล ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะถอยหลัง, ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะเปิดประตู และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR จุด พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับเบาะนั่งทุกตำแหน่ง

อีกทั้ง All-New Toyota Alphard / Vellfire 2023 ยังมาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่ง MODELLISTA
- ALPHARD MODELLISTA ประกอบด้วยอุปกรณ์ตกแต่งกระจังหน้า – สเกิร์ตหน้า – สเกิร์ตข้างซ้าย-ขวา สเกิร์ตหลัง และสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคา (รวมค่าติดตั้ง) 149,000 บาท
- VELLFIRE MODELLISTA ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งสเกิร์ตหน้า – สเกิร์ตข้าง ซ้าย-ขวา – สเกิร์ตหลัง อุปกรณ์ตกแต่งท่อไอเสีย และสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคา (รวมค่าติดตั้ง) 169,000 บาท
สำหรับราคาจำหน่ายของ All-New Toyota Alphard / Vellfire 2023
- Alphard 2.5 HEV ราคา 4,129,000 บาท
- Vellfire 2.5 HEV ราคา 4,279,000 บาท
- Alphard 2.5 HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท