แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้จำหน่ายยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษ Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัว Aston Martin Vantage (แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ) ใหม่ รถสปอร์ต เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นใหม่
ที่มากับการปรับรูปโฉมใหม่ให้มีความสปอร์ต หล่อในทุกมุม ทุกองศา อีกทั้งยังมาพร้อมกับห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด พ่วงด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V8 อันทรงพลังของทางแบรนด์ มาพร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 โครงสร้างและระบบขับเคลื่อนถูกปรับแต่ง เพื่อสร้างความเร้าใจสูงสุดให้ผู้ขับ ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมด เปิดราคาจำหน่ายเริ่มในไทยที่ 2.19 ล้านบาท
สำหรับบแอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ มากับงายออกแบบภายใต้คอนเซปต์ ‘Thrill.Driven.’ ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์ และกลิ่นอายตามแบบฉบับดั้งเดิม ไว้ได้อย่างครบถ้วน ตัวรถจะมากับโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม ที่ปรับแต่งให้ทนต่อแรงบิดได้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อความแม่นยำในการควบคุม
ในส่วนของกระจังหน้าปรับให้มีความกว้างกว่าเดิม 38% เพิ่มประสิทธิภาพการนำอากาศมาระบายความร้อนได้ดีขึ้น 29% มาพร้อมชุดไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟ DRL ในตัว สะท้อนเอกลักษณ์ของ แอสตัน มาร์ติน ยุคใหม่
ปิดท้ายด้วยล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว ความกว้างหน้า 9.5J และหลัง 11.5J จับคู่กับยางมิชลิน(Michelin) Pilot S 5 หน้า 275/35/ZR21 หลัง 325/30ZR21 ปั๊มรหัส ‘AML’ บ่งบอกว่าผลิตมาเพื่อใช้กับ แวนเทจ ใหม่ โดยเฉพาะ
ในด้านขนาดมิติตตัวถังของ แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ จะมีความยาว ยาว 4,495 มม. กว้าง 2,124 มม. สูง 1,275 มม. โดยในนส่วนของตัวถังจะกว้างขึ้น 30 มม. มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,705 มม. ขณะที่น้ำหนักรถเปล่าจะอยู่ที่ 1,605 กก.
ภายในห้องโดยสารหรูหรา ฉลาดล้ำ ผสานอารมณ์แห่งความสปอร์ต โดยจะได้รับการรออกแบบใหม่ทั้งหมด ผสมผสานความหรูหรากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ตกแต่งด้วย หนังแท้ Bridge of Weir ที่ให้สัมผัสหรูหราและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมระบบเสียงมาตรฐาน Aston Martin 390W 11 ลำโพง พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า แปรผันอัตโนมัติ (Variable Electrical Power Assistance) ทัชสกรีนอเนกประสงค์ Pure Black ขนาด 10.25 นิ้ว ผสานปุ่มกดบริเวณใกล้เคียง สามารถใช้งานได้สะดวกและรวดเร็ว ระบบอินโฟเทนเมนท์แบบใหม่ รองรับทั้ง iOS และ Android มาพร้อมโหมดการขับทีทมีให้เลือก 5 โฆมด ได้แก่ Wet, Sport, Sport Plus, Track และ Individual
ในส่วนของโครงสร้างตัวถังจะเป็นอะลูมิเนียม (Bonded Aluminium) ได้รับการพัฒนาเพิ่มความแข็งแกร่ง ทนต่อการบิดตัวได้สูงขึ้น มาพร้อมความสมดุลในการกระจายน้ำหนัก 50:50 ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหน้าหลังแบบ มัลติ-ลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนแบบอะแด๊ปทีฟ (ADS-Adaptive Damping System) พร้อมเทคโนโลยี Skyhook และ Intelligent Adaptive Dampers คานขวางช่วงล่างด้านหน้า (cross-member) ออกแบบใหม่ และย้ายตำแหน่งติดตั้งไปข้างหลังมากขึ้น เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจุดยึดช่วงล่างหน้าแบบดับเบิลวิชโบน ค้ำตัวถังในห้องเครื่องด้านหน้า น้ำหนักเบาลง แต่แข็งแกร่งขึ้น ช่วยลดการบิดของตัวถัง ช่วงล่างหลังเพิ่มความแข็งแกร่ง 29% ผสานโช้กอัพแบบอะแด๊ปทีฟของ Bilstein DTX ที่มีช่วงการทำงานที่กว้างขึ้นถึง 500% ซึ่งเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้มีแฮนด์ลิงคมกริบ และขับสนุกยิ่งขึ้น จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า 400 x 36 มิลลิเมตร หลัง 360 x 36 มิลลิเมตร จับคู่คาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต และหลัง 4 พ็อต โดยมีชุดจานเบรกเซรามิกให้เลือกติดตั้งเป็นออปชั่น
ขณะที่พละกำลังขับเคลื่อนของ Aston Martin Vantage ใหม่ จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ผ่านการปรับแต่งใหม่ โดยการเพิ่มขนาดเทอร์โบ พร้อมปรับแต่งแคมชาฟท์ (Dual Variable Camshaft Timing) ใหม่ รวมทั้งยังปรับอัตราส่วนการอัด 8.6:1 พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ห้องเผาไหม้ผ่านการกลึง CNC เต็มรูปแบบ (Fully CNC machined combustion Chamber) ส่งผลทำให้รีดแรงม้าลงพื้นได้มากถึง 665 แรงม้า (PS) มาพร้อมกับแรงบิดอันมหาศาลที่มากถึง 800 นิวตันเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนจะมีกำลังสูงขึ้น 30% หรือ 155 แรงม้า (PS) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 15% หรือ 115 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ ที่ติดตั้งติดตั้งอยู่ด้านหลัง (rear mounted)
มาพร้อมเพลาขับคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fibre Prop Shaft) และเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Rear Limited Slip Differential) อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม.
สำหรับ Aston Martin Vantage 2025 พร้อมให้ชนชาวไทยที่สนใจได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้ว โดยทาง แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นไว้ที่ 21.9 ล้านบาท โดยมาพร้อม Warranty 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถไปสัมผัสตัวจริงของรถสปอร์ตสัญชาติผู้ดีอังกฤษอย่างใกล้ชิดได้ที่ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 (46th Bangkok International Motor Show 2025) จัดขึ้นที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายน 2568