อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว Audi RS รุ่นพิเศษ Performance Edition พร้อมกัน 2 รุ่นในตลาดเมืองไทย ทั้งในรุ่น RS 7 Sportback Performance และ RS 6 Avant Performance
เริ่มจาก Audi RS 7 Sportback Performance ที่มาในสไตล์ Sportback ท้ายลาด กระจังหน้าขนาดใหญ่ลาย Honeycomb พร้อมชุดตกแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS มาพร้อม Audi Ring สีดำ Glossy Black
มาพร้อมไฟแบบ Light staging เมื่อเปิด-ปิดล็อครถ, ชุดไฟหน้าอัจฉริยะ HD Matrix LED with Audi laser light ส่องสว่างไกล และไฟ Projector LED แบบ RS Performance ที่ประตูหน้า-หลัง
เพิ่มความเร้าใจด้วยล้อขนาด 22 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ Audi Sport แบบ 5 ก้านในเฉดสีทอง พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงแบบ RS
ขณะที่ในรุ่น Audi RS 6 Avant Performance ตัวแรงในแบบสเตชันแวกอน ด้านงานออกแบบได้รับ DNA มาจากกตัวแรงในสนามแข่ง ด้วยชุดแต่งชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS พร้อมตกแต่ง Audi Ring ด้วยสีดำ Glossy Black
เพิ่มความสปอร์ตเร้าใจด้วยล้อขนาด 22 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ Audi sport แบบ 5 ก้าน มาในเฉดสีทอง พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงแบบ RS ดุดันทุกมิติด้วย
สำหรับชุดอุปกรณ์จะมากับชุดไฟหน้าอัจฉริยะแบบ HD Matrix LED with Audi laser light ที่มีระยะการส่องสว่างไกลถึง 600 เมตร มาพร้อมไฟด้านหน้า (Light staging) และไฟเลี้ยวแบบ Dynamics
ภายในห้องโดยสารของทั้ง 2 รุ่น จะมากับลุคสปอร์ตตกแต่งด้วยลาย Carbon Twill Structure เบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports ตกแต่งแบบ honeycomb หุ้มหนัง Valcona เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง, คันเกียร์ และพวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัด หุ้มหนัง Alcantara พร้อมสัญลักษณ์ RS มาพร้อม Paddle shift
แผงคอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ผ่านจอ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ MMI Navigation plus ขนาด 10.1 นิ้ว สั่งการ และจอมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัสตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen ระบบเสียง 3 มิติ
ส่วนคอนโซลกลางหุ้มด้วยหนัง Alcantara สีดำ พร้อมไฟ Projector LED แบบ RS Performance ที่ประตูหน้า-หลัง ผสานฟังก์ชันและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว เสริมความหรูหราด้วยไฟ Ambient light ที่ปรับได้มากถึง 30 เฉดสี และระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen ระบบเสียง 3 มิติ
นอกจากนั้นในรุ่น RS 6 Avant Performance จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุมากถึง 548 ลิตร
ในด้านขุมพลังทั้ง 2 รุ่นจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid แบบ V8 biturbo ที่ให้กำลังมากถึง 630 แรงม้า(เพิ่มขึ้น 30 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิด 850 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร) ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที (รุ่นปกติ 3.6 วินาที) พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 กม./ชม.
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ quattro with sport differential ทำงานควบคู่กับระบบ Dynamic Ride Control (DRC) พร้อมกับระบบบังคับเลี้ยวทั้งสี่ล้อ (All-wheel steering) และชุดท่อไอเสียแบบ RS Sports
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัยของ Audi RS รุ่นพิเศษ Performance Edition ทั้ง 2 รุ่น มากับระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง, ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน, ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเปิดประตูลงจากรถ, ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง เป็นต้น
สำหรับราคาจำหน่ายของ Audi RS Performance Edition รุ่นพิเศษทั้ง RS 7 Sportback Performance และ RS 6 Avant Performance จะมีราคาจำหน่ายที่เท่ากัน โดยมีราคาเริ่มที่ 11,280,000 บาท
