Bentley แบรนด์รถหรูจากเกาะอังกฤษ ได้เปิดตัว Bentayga รุ่นตกแต่งพิเศษโดยใช้ชื่อว่า Bentayga S Black Edition โดยจะมาพร้อมกับชุดแต่งบอดี้พาร์ทสีดำ รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งฟิล์มดำรอบคัน และปรับในส่วนของตัวอักษร รวมทั้งโลโก้ให้เป็นเฉดสีดำทั้งหมด
สำหรับ Bentley Bentayga S Black Edition ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอีกขั้นจาก Bentayga Black Edition ในด้านงานดีไซน์ ยังคงมาพร้อมกับลุคความสปอร์ตที่ดูดัน แข็งแกร่ง แต่ยังคงไว้ถึงความคลาสสิก หรูหราสไตล์ Bentley
กระจังหน้าแบบ matrix grille รังผึ้งขนาดใหญ่สีดำ เข้ากับชุดไฟหน้าแบบ LED ทรงกลม ตัวรถที่ดูทรงเหมือนมัดกล้าม
มาพร้อมกับชุดพาร์ทแต่งสีดำรอบคันทั้งที่สเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้างตัวรถ, ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ปีกหลังที่บนหลังคา ที่ถูกตกแต่งด้วยเฉดสี โดยจะมีให้เลือกมากถึง 7 สี ได้แก่ สีส้ม Mandarin, สีเหลือง Signal Yellow, สีน้ำเงิน Klein Blue, สีแดง Pillar Box Red, สีเงิน Ice, สีเขียว Hyper Green และสีขาว Beluga
สำหรับเฉดสีดังกล่าวนี้ นอกจะตกแต่งในส่วนของภายนอกตัวรถแล้ว ยังได้ถูกตกแต่งไปยังภายในห้องโดยสารด้วย โดยข้างนอกจะเป็นเฉดสีใด ด้านในก็จะมาในเฉดสีเดียวกัน
โดยเมื่อเปิดประตูเข้าไปจะถูกต้อนรับด้วยแผ่นแพลทอลูมิเนียมบริเวณกาบธรณีประตุที่ปั้มชื่อรุ่น Black Edition
การตกแต่งภายในห้องโดยสารจะมาในโทนสีดำด้วยชุดแต่ง Dark Chrome พร้อมกับตกแต่งด้วยเฉดสีเดียวกับที่ตกแต่งภายนอก ที่บริเวณคอนโซลกลาง, คอนโซลหน้า และแผงประตู
อีกทั้งยังตกแต่งด้วยวัสดุที่เน้นความหรูหรา เบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยหนัง Beluga สีดำ ตัดเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเดียวกันกับที่ตกแต่งด้านนอกตัวรถ พร้อมปั้มตราสัญลักษณ์ S ไว้บนตัวเบาะที่นั่งทุกตำแหน่ง
นอกจากนี้ในส่วนของแผงคอนโซลหน้า และคอนโซลกลาง ก็ได้รับการถักทอด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อน Bentley Bentayga S Black Edition จะมีให้เลือก 2 รูปแบบได้แก่ ขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลัง 542 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 290 กม./ชม. ในด้านโหมดการขับขี่ยังลุยได้ทุกสภาพพื้นถนน โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Snow, Wet Grass, Dirt, Gravel, Mud , Trail, Sand โดยสามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 500 มม. หรือราว ๆ เกือบ 20 นิ้ว
นอกจากนั้นยังมีขุมพลังไฮบริดให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก โดยใน รุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน TFSI V6 ขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 456 แรงม้า มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 kW หรือให้กำลัง 134 แรงม้า โดยตัวรถให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม.ชม. ในเวลา 5.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 254 กม./ชม.
นอกจากนั้นในรุ่นพิเศษนี้ยังมาพร้อมกับระบบพวงมาลัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงยังได้รับระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต ที่ออกแบบมาเพื่อให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้รับระบบ Bentley Dynamic Ride ที่เป็นเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าตัวแรกของโลก ที่ใช้ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยระบบจะโต้ตอบแรงหมุนด้านข้างทันทีเมื่อเข้าโค้งเพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นถนนให้มากที่สุด เพิ่มความเสถียรในห้องโดยสาร ความสะดวกสบายในการขับขี่ และการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ โดยมีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งช่วยควบคุมแรงบิดให้ล้อสัมพันธ์กับความเร็วเพื่อให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
พร้อมกับได้เพิ่มโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่ให้การตอบสนองการเลี้ยวที่ดีขึ้น รวมทั้งปรับปรุงในส่วนของระบบเบรกใหม่ และติดตั้งชุดท่อไอเสียแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สำหรับสนนราคาค่าตัวของ Bentayga S Black Edition ทาง Bentley ยังมีไม่การเปิดตัวเลขออกมา
