BYD เปิดตัว TANG DM-i โฉมปี 2025 ที่ได้รับการติดตั้งระบบเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด DM 5.0 ของทางบีวายดี ที่ทรงพลังมากกว่าเดิม ด้วยเครื่องยนต์ 1.5T ที่ให้กำลัง 154 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 268 แรงม้า โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าจะวิ่งครอบคลุมระยะทางได้ไกลถึง 1,150 กม.
BYD TANG DM-i MY2025 จะเป็นรุ่นอัปเกรดจากรุ่นปัจจุบันที่มีวางจำหน่ายอยู่ในประเทศจีน ขณะที่ในรุ่นโมเดลใหม่นั้นคาดว่าจะถูกเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ และเชื่อว่ารถทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายควบคู่กันไป โดยทั้งนี้ทั้งนั้น BYD TANG DM-i MY2025 รุ่นที่ได้รับการอัปเกรดใหม่นี้ จะมีราคาจำหน่ายอยู๋ระหว่าง 179,800 – 207,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8.48 – 9.81 แสนบาท โดยแบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยดังนี้
- TANG DM-i รุ่น Prestige ราคา 179,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8.49 แสนบาท
- TANG DM-i รุ่น Honor ราคา 187,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8.87 แสนบาท
- TANG DM-i รุ่น Flagship ราคา 197,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 9.34 แสนบาท
- TANG DM-i รุ่น Yunlin Flagship ราคา 207,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 9.81 แสนบาท
สำหรับ BYD TANG DM-i MY2025 รุ่นอัปเกรดใหม่ใหม้นี้สิ่งที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ และสำคัญที่สุดจะอยูู่ที่ระบบขับเคลื่อน โดยจะได้รับการติตดั้งระบบส่งกำลังแบบใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยี DM 5.0 ของทาง BYD ที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น โดยจะมากับเครื่องยนต์ BYD472ZQB ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบ ที่ให้กำลัง 115 kW (154 แรงม้า) แรงบิด 225 นิวตันเมตร มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวที่วางอยู่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 200 kW (268 แรงม้า) แรงบิด 315 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 200 กม./ชม. มีโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV
จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความจุ 21.504 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนไกล 115 กม. และวิ่งครอบคลุมระยะทางไกลถึง 1,150 กม. เมื่อน้ำมันเต็มถัง + แบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็ม พร้อมกับเคลมว่าจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20.20 กม.ต่อลิตร (NEDC)
พร้อมรองรับการไฟ AC ชาร์จเต็มในเวลา 3.3 ชม. และการชาร์จ DC ขนาด 40 kW ชาร์จไฟจาก 30-80% ในเวลา 30 นาที
มาพร้อมระบบ Regenerative Braking และเทคโนโลยี V2L ที่ปล่อยไฟ 6.6 kW สามารถจ่ายกระแสไฟไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ภายนอกได้
ขณะที่รูปลักษณ์หน้าตา ยังคงมาในรูปแบบ Dragon Face แต่จะปรับลุคให้มีความดุดันมากขึ้น จากเดิมี่ใช้วัสดุโครเมียมแบบเงา มาเป็นโครเมียมแบบรมดำ ไล่เรียงตั้งแต่ชุดกระจังหน้า ขอบกระจัง ช่องระบายอากาศ รวมถึงฝากระจกบานข้าง และในส่วนของเสา B-C และแถบเสา D ที่ด้านท้าย
ส่วนด้านหลังมากับชุดไฟท้ายแบบใหม่ที่เป็นแถบวางพาดยาว โดยลวดลายด้านในจะจะออกแบบให้เป็นลักษณธของการผูกปม หรือการเชือกถักตามแบบฉบับของชาวจีน พร้อมติดป้ายชื่อ BUILD YOUR DREAM ที่เป็นตัวอักษณสีดำแทนที่จะเป็นโครเมียม ขณะที่นส่วนล้ออัอลลยจะมากับลวดลายใหม่ขนาด 20 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง 255/50 R20
ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีคาวมยาว 4,870 มม. กว้าง 1,950 มม. สูง 1,725 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,820 มม.
ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 3 แถว จะมีให้เลือกทั้ง แบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) และ 7 ที่นั่ง (2+3+2) ตกแต่งภายในด้วยวัสดุสีดำ Piano Black
ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะมากับแผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง 2 ก้าน ตรงกลางติตดั้งหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสที่สมารถหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว
มาพร้อมอัจฉริยะ DiLink 100 รวมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto และรองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA นอกจากนั้นยังได้รับจอ W-HUD
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะมากับระบบเครื่องเสียง DYNAUDIO พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ชุดไฟ Ambient Light พร้อมไฟกะพริบตามจังหวะเพลง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังการชาร์จ 50W, พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด
พร้อมรองรับระบบสั่งงงานจากระยะไกลจากสมาร์ตโฟนทั้ง ระบบเปิด-ปิดระบปรับอากาศ, ตรวจสอบรถจากระบบตัวรถจากระยะไกล และยังได้รับระบบการติตดั้ง BYD Digital Key
ด้านเบาะที่นั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า โดยฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ขณะที่ผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทาง
ด้านพื้นที่เก็บของด้านท้ายเมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ลงจะมีพื้นที่เก็บของมากถึง 940 ลิตร และเมื่อพับเบาะแถว 2 และ 3 ลง จะขนายพื้นที่เก็บของได้มากถึง 1,655 ลิตร และยังสมารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นที่นอนที่มีขนาดความยาวถึง 2.1 เมตร
มาพร้อมระบบช่วยหลือกการขับขี่อัจฉริยะ ที่จะประกอบไปด้วยเรดาห์อัตรโซนิก 8 ตัวเรดาห์คลื่นมิลิลิเมตรความแม่นยำสูง 3 ตัว, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 4 ตัว, กล้องตรวจจับสูงอัจฉริยะในการขับขี่ 1 ตัว และรองรับระบบช่วยเหลือการขับขี L2 และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่จะมาพร้อมกับระบบ ADAS ขั้นสูง
BYD TANG DM-i รุ่นอัปเกรดใหม่ปี 2025 จะมีวางจำหน่ายเฉพาะในจีน ส่วน TANG เจเนอเรชันใหม่นั้นคาดว่าจะถกเปิดตัวตามออกมาในเร็ว ๆ วันนี้
