เปิดตัวประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ BYD XIA รถเอ็มพีวีใหม่ขนาดใหญ่ในซีรี่ส์ Dynasty ที่มาในแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง พ่วงด้วยขุมพลัง PHEV ที่มากับเทคโนโลยี DM-i เจเนอเรชันที่ 5 ของทางบีวายดี โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย เปิดราคาจำหน่ายในจีนดังนี้
- BYD XIA รุ่น Leading 100 กม. ราคา 249,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 1.18 ล้านบาท
- BYD XIA รุ่น Transcendence 100 กม. ราคา 259,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 1.22 ล้านบาท
- BYD XIA รุ่น Leading 180 กม. ราคา 285,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 1.35 ล้านบาท
- BYD XIA รุ่น Transcendence 180 กม. ราคา 309,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 1.46 ล้านบาท
สำหรับ BYD XIA รถเอ็มพีวีขนาดใหญ่รุ่นใหม่ ของทางค่าย BYD จะเข้ามาเป็นรถรุ่นใหม่ในซีรี่ส์ราชวงศ์ XIA ของในตะกูล Dynasty ที่ร่วมกับ HAN, TANG, QIN, SONG และ YUAN โดยในราชวงศ์ XIA (เซี่ย) ถือเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนโบราณ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2070 ก่อนคริสตกาล
สำหรับตัวรถนั้นจะใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Denza D9 ในด้านงานออกแบบดีไซน์มาพร้อมภาษาการออกแบบที่เรียกว่า Dragon Face ของ BYD ด้านหน้าตัวรถจะมากับกระจังหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยโครเมียมกระจายเต็มพื้นที่ มาพร้อมชุดไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวบาง โดยมีเส้นไฟ LED วางพาดเต็มพื้นที่เชื่อมต่อไฟหน้าทั้ง 2 ฝั่ง อีกทั้งยังตกแต่งด้วยแถบโครเมียมพร้อมติดตราชื่อรุ่น XIA (夏) ไว้ที่ด้านหน้า
เส้นสายด้านข้างของตัวรถนั้นจะมีความคล้ายกับ Denza D9 ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหลังคาที่มาในลักษณะแบน, ประตูแบบบานเลื่อนไฟฟ้าที่คู่บานหลัง รวมทั้งตกแต่งด้วยเส้นโครเมียมที่ขอบกระจก, คิ้วชายล่างประตู มาพร้อมล้ออัอลอย ขนาด 18 นิ้ว
ส่วนด้านท้ายของ BYD XIA จะมากับชุดไฟท้ายที่เป็นแถบยาววางเต็มพื้นที่ด้านหลัง มาพร้อมชุดสปอยเลอร์หลังคาที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ
ขณะที่ในด้านมิติขนาดตัวรถจะมีความยาว 5,145 มม. ความกว้าง 1,970 มม. ความสูง 1,805 มม. และระยะฐานล้อ 3,045 มม.
ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (2+2+3) ด้านเบาะที่นั่งจะหุ้มด้วยหนังแท้ NAPPA เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มาพร้อมฟังก์ชันนวด 10 จุด ส่วนเบาะที่นั่งฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมที่รองหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าจะมากับระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศ และระบบจดจำตำแหน่ง
เบาะนั่งแถวที่ 2 จะเป็นแบบ Captor seal โดยจัวเบาะจะเป็นแบบ Zero Gravity มาพร้อมที่วางขาแบบไฟฟ้า รวมทั้งยังมากับระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และฟังก์ชันนวด 10 จุด โดยสามารถปรับต่าง ๆ ของตัวเบาะได้ที่แผงควบคุมที่อยู่บริเวณแผงประตูข้างทั้ง 2 ฝั่ง
ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 3 ปรับพับแบบ 40:60 มากับฟังก์ชันระบบทำความร้อน และระบายอากาศ อีกทั้งเบาะหลังของ XIA ยังสามารถเลื่อนได้ถึง 10 ซม. เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ นอกจากนี้ยังสามรถพับได้แบบราบเรียบ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่หายากในรถมินิแวน
ขณะที่ในส่วนของแผงแดชบอร์ดของ BYD XIA จะเหมือนกับในรุ่น Denza Z9 โดยจะติตดั้งหน้าจอมาให้ 3 จอ ได้แก่ แผงหน้าปัด LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ที่วางอยู่หลังพวงมาลัยทรง 3 ก้าน ส่วนตรงกลางจะเป็นหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 15.6 นิ้ว ที่มาในแบบแขวนลอยตัวออกมาจากคอนโซลหน้า และหน้าจออินโฟนเทนเมนต์สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 12.3 นิ้ว โดยหน้าจอนี้จะมีเฉพาะในรุ่น Excellence ที่เป็นรุ่นท็อปสุด
นอกจากนี้ในรุ่นท๊อปยังได้รับเพิ่มในส่วนของหน้าจอเพดานแบบพับขนาด 15.6 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากนี้รุ่นนี้ยังได้รับการอัปเกรดเป็นระบบ DiLink150 อีกด้วย โดยใช้ชิป AI ของ BYD 9000 ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงหน้าจอทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ และยังเชื่อมต่อกับคอนโทรลเลอร์เกมภายนอกและแว่นตา AR และยังได้รับกระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่งอีกด้วย
ด้านคอนโซลกลางของ BYD XIA ในทุกรุ่นย่อยจะมากับแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 2 ตำแหน่งที่ให้กำลังชาร์จไฟ 50W มาพร้อมปุ่มควบคุม และที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง นอกจากนั้นยังยังติดตั้งตู้เย็นขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลังคอนโซลกลาง ปรับอุณหภูมิได้ทั้งร้อน และเย็น โดยมีช่วงอุณหภูมิ -6~6℃ สำหรับทำความเย็น และ 35~50℃ สำหรับทำความร้อน อีกทั้งยังมีโต๊ะถาดพับได้ที่ด้านหลังของเบาะนั่งด้านหน้าสำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง
นอกจากนั้น BYD XIA ยังได้รับระบบเสียง DiSound ที่พัฒนาขึ้นเอง มาพร้อมลำโพง 28 ตัวและช่องเสียงอิสระ 32 ช่อง ซับวูฟเฟอร์แถวที่ 3 สามารถแยกเป็นลำโพงบลูทูธสำหรับกลางแจ้งที่มีกำลังไฟภายนอก 170 วัตต์ได้
รวมทั้งยังมากับชุดไฟ Ambient Light 128 สี พร้อมการเปลี่ยนสีอัจฉริยะ, ระบบน้ำหอมอัจฉริยะแบบแอคทีฟ, ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน 3 โซน, ช่องแอร์แถวกลางและหลังแบบอิสระ มาพร้อมระบบฟอกอากาศ PM2.5 รวมทั้งยังมากับช่อง USB 6 ช่องทั่วรถ รวมทั้งช่องจ่ายไฟ 12V สำหรับแถวหน้า
ด้านพื้นที่เก็บของด้านท้ายจะมีความจุ 470 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลงจะขยายพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 2,036 ลิตร
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ของ BYD XIA มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ DiPilot 100 ระดับไฮเอนด์เป็นชุดอุปกรณ์มาตรฐาน มาพร้อมระบบ BYD Eye of the Gods โดยใช้เซ็นเซอร์ทั้งหมด 29 ตัว รวมทั้งยังมาพร้อมกุญแจ NFC และถุงลมนิรภัยรอบคัน
ส่วนระบบส่งกำลังของ BYD XIA จะมากับเทคโนโลยี DM-i เจเนอเรชันที่ 5 ของ BYD ที่จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.5T ให้พละกำลังสูงสุด 115 kW (154 แรงม้า) แรงบิด 225 นิวตันเมตร ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 200 kW (268 แรงม้า) แรงบิด 315 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ LFP Blade ที่มี 2 ขนาดความจุได้แก่ 20.4kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกล 100 กม. และ แบตเตอรี่ขนาด 36.6kWh วิ่งในโหมด EV ไกล 180 กม. โดยจะวิ่งครอบคลุมระยะทางไกลถึง 1,060 กม. เมื่อแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต้ม และน้ำมันเต็มถัง ส่วนในรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กยังไม่มีการประกาศระยะการใช้งานที่ครอบคลุมอออกมา
ด้านอัตราเร่งในรุ่นแบตเตอรี่ขนาดเล็กจะให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.1 วินาที ส่วนในรุ่นที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จะมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.5 วินาที นอกจากนี้ยังเคลมไว้ว่าจะเป็นรถ MPV ปลั๊กอินไฮบริด ที่ชาร์จไฟ SoC ได้เร็วที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยจะให้กำลังไฟจาก 30 – 80% ในเวลาประมาณ 8 นาที เท่านั้น
ด้านระบบช่วงล่างของ BYD XIA จะเป็นแบบระบบควบคุมตัวถังลดแรงกระแทกอัจฉริยะ DiSus-C ที่จะช่วควบคุมความหนืดในการยืด-ยุบของช่วงล่าง เพื่อควบคุมการทรงตัวให้ดีตลอดการเดินทาง
BYD XIA ที่เปิดวางจำหน่าายในจีนจะมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Yuanshan Blue, สีม่วง Jianyao Purple, สีขาง Runyu White และสีดำ Xuankong Black
สำหรับในตลาดเมืองไทยนั้นได้คาดว่ามีแผนที่จะนำเข้ามาจัดจำหน่าย แต่คาดว่าคงต้องรออีกนิด อย่างเร็วสุดคาดว่าเป็นในช่วงสิ้นปี 2568 นี้