Mazda CX-8 รุ่น XDL Exclusive จัดเป็นรุ่นท็อปไลน์ของรหัส CX-8 ซึ่งถือเป็น Flagship Model ของตระกูล CX-Series ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย และฟีเจอร์ที่โดดเด่นล้ำสมัยที่สุด เท่าที่ Mazda ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นมา และในวันนี้เราได้ไปสัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือระดับ และสมรรถนะของขุมพลัง Skyactiv บนเส้นทางหาดใหญ่-เบตง แบบจัดเต็ม ครบทุกอรรถรส
สำหรับ Mazda CX-8 นั้น เปิดตัวทำตลาดครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยวางตำแหน่งเป็นรถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมแบบ 3 แถว ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง Captain Seat ซึ่งเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ SUV และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี
และล่าสุด เมื่อช่วงเดือนกรกฏาคม 2565 ที่ผ่านมา Mazda ได้ตอกย้ำความภาคภูมิใจนี้อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว New Mazda CX-8 โฉม Minorchange ที่มาพร้อมกับการปรับอ็อพชั่นใหม่ และเพิ่มทางเลือกใหม่กับห้องโดยสาร 3 รูปแบบ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในกลุ่มรถ Premium SUV
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของ New Mazda CX-8 2022 ได้แก่
- ครั้งแรกกับระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ที่ได้รับการพัฒนาและติดตั้งในรถมาสด้า CX-8 ใหม่เป็นรุ่นแรก และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ล้ำสมัย i-Activsense รอบคัน
- สะท้อนภาพลักษณ์ความหรูหราสง่างามยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่สี Gun Metallic และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว
- สีตัวถังใหม่ 2 สี กับ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์
- แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และหน้าจออินโฟเทนเทนท์ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto
- เพิ่มระบบ GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย
- เสริมภาพลักษณ์ความโดดเด่นไปอีกขั้น ด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า
- เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
- ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ครอบครัวกับครั้งแรกของ 3 ทางเลือกภายในห้องโดยสาร ให้พื้นที่กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
จุดขายหลักที่ทำให้ New Mazda CX-8 โดดเด่นกว่า SUV รุ่นอื่นๆ ในตลาด ได้แก่
สำหรับการทดสอบครั้งนี้ ทางทีมงาน Autostation.com ถูกจัดให้ได้ขับในรุ่น Mazda CX-8 XDL Exclusive เจ้าของค่าตัว 2.199 ล้านบาท ซึ่งอาจจะดูว่าราคาแรงไปสักหน่อย แต่พอได้ลองสัมผัสมาแล้ว บอกเลยว่าราคานี้แหละเหมาะสม ความสะดวกสบายเทียบชั้นกับ SUV ยุโรปในราคา 4-5 ล้านบาท ได้สบายๆ
มาว่ากันที่สมรรถนะการขับขี่กันก่อน โดยในรุ่น XDL Exclusive นั้น จะเป็นขุมพลังดีเซล Skyactiv-D ขนาด 2.2 ลิตร Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-Activ AWD พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road (Off-Road Traction Assist) ฉะนั้นในเรื่องของอัตราเร่ง จังหวะเร่งแซง และการยึดเกาะถนนจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวล เกินพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน แถมยังได้เปรียบในเรื่องของอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำได้ถึง 17.5 กม./ลิตร ซะด้วย
นอกเหนือไปจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ AWD ที่ช่วยเพิ่มความยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ใน Mazda CX-8 ทุกรุ่นย่อย ยังได้รับการติดตั้งระบบ GVC-Plus ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจ และปลอดภัยในการขับขี่ได้ดีกว่าเดิม
เรื่องสมรรถนะการขับขี่เราอาจจะไม่ได้ไปเจาะลึกลงรายละเอียดกันมาก เพราะไฮไลท์สำคัญอยู่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกสบายภายในที่ถูกปรับเพิ่มเข้ามา โดยในรุ่น XDL Exclusive จะเป็นแบบ 6 ที่นั่ง ซึ่งแถวที่นั่งตอนที่ 2 จะเป็นแบบ Captain Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา ที่มีความสะดวกสบายสุดๆ แถมเบาะนั่งยังปรับด้วยไฟฟ้า และมีระบบระบายอากาศที่เบาะนั่ง (Seat Ventilation) ที่ช่วยเพิ่มความเย็นสบายให้กับพนังพิง ซึ่งตอบโจทย์สุดๆ กับสภาพอากาศของประเทศไทย
อีกทั้งระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารยังออกแบบให้เป็นแบบ Tri-Zone ซึ่งแยกอิสระกันทั้ง 3 แถว ใครขี้หนาว ขี้ร้อน ก็แยกกันปรับได้ตามความต้องการ ซึ่งถือว่าตอบโจทย์การเดินทางในรูปแบบครอบครัวสุดๆ อีกทั้งยังเพลิดเพลินในทุกการเดินทางไปกับชุดเครื่องเสียงลำโพงรอบทิศทาง BOSE ถึง 10 ตำแหน่ง จะเดินทางไกลแค่ไหนก็ฟิน
การนั่งในตำแหน่งเบาะแถว 2 แบบ Captain Seat ถือว่าสะดวกสบายสุดๆ แถมยังสามารถเปิดหลังคาซันรูฟไฟฟ้าเพื่อเสพบรรยากาศ และอากาศบริสุทธิ์ของเส้นทางธรรมชาติที่เราขับผ่านได้อย่างสดชื่น ส่วนเบาะที่นั่งแถว 3 แม้ว่าจะไม่ได้ข้ามไปนั่งทดสอบ แต่มั่นใจได้เลยว่าสามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย เพราะเบาะแถว 2 สามารถปรับได้อย่างละเอียด หรือจะพับแถว 3 เพื่อใช้เป็นพื้นที่จัดเก็บสัมภาระก็ใหญ่โตมโหฬาร จุของได้เต็มพื้นที่กันไปเลย
เชื่อไหมว่าการเดินทางในทริปนี้มีระยะทางกว่า 600 กม. แต่ทุกวินาทีที่นั่งอยู่ใน Mazda CX-8 กลับไม่รู้สึกถึงความเมื่อย หรือเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกเพลิดเพลิน จนไม่อยากจะลุกออกจากที่นั่ง ยิ่งถ้าได้นั่งใน Captain Seat แถวที่ 2 ด้วยแล้ว ใครหน้าไหนจะมาแย่งนั่งผมคงไม่ยอม!!
บทสรุป
แม้ว่าราคาของ Mazda CX-8 ใหม่ อาจฟังดูจะแพงกว่า SUV แบรนด์ญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ ที่มีทำตลาดอยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะว่าฟีเจอร์ที่ได้ และสมรรถนะที่ Mazda มอบให้ มันคุ้มค่า คุ้มราคาในตัวของมัน ซึ่งคุณสามารถเลือกเป็นเจ้าของ Mazda CX-8 ใหม่ ได้ตรงตามความต้องการอย่างตอบโจทย์ เพราะเป็นรุ่นเดียวในตลาด ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล รวมไปถึงห้องโดยสารที่มีให้เลือกมากถึง 3 รูปแบบ ถามหน่อยว่าราคานี้ ในตอนนี้ มีแบรนด์ไหนมีทางเลือกให้คุณมากถึงขนาดนี้?