ต้องบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันไม่ใช่อะไรที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะในทุกค่ายของรถยนต์เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับรถทางเลือกใหม่นี้กันมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ที่มาจากประเทศจีน แล้วนำเข้ามาจำหน้ายในบ้านเรานั้น จะชูธงนำทัพด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นใบเบิกทางด้วยกันแถมทั้งนั้น
อย่างล่าสุดที่ค่ายรถยนต์จากจีนอย่าง BYD ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา โดยได้ถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายโดยทาง Rêver Automotive หรือ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ของกลุ่มตระกูลเจ้าสัว พรประภา ซึ่งก็ได้มีการเปิดตัวริษัทไปเมื่อเดืนที่ผ่านมา พร้อมกับเผยว่าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของทางค่ายในวันที่ 10 เดือน10 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเจ้ารถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของทางค่าย Rêver Automotive ที่จะนำเข้มาจำหน่ายในบ้านเรานั้นก็คือ BYD ATTO 3 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาในรูปแบบรถเอสยูวีแบบ 5 ที่นั่ง
ซึ่งก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ ก็ได้ส่งหมายเทียบเชิญสื่อมวลชน ซึ่งก็รวมทั้งทาง Autostation.com ก็ได้รับเกียรต์ให้เป็นหนึ่งที่มาสัมผัสตัวจริงของ BYD ATTO 3 กันก่อน พร้อมกับให้ทดลองสมรรถนะแบบชิมลางเบาๆ กันที่สนามปทุมสปีดเวย์
โดยในการขับทดลองแบบเล็ก ๆ ครั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลของตัวรถอะไรออกมาให้ทราบ เพียงแต่บอกว่าตัวรถที่นำมาให้ทดลองขับวันนี้ จะเป็นสเปกจริง ที่จะขายและเปิดตัวในวันที่ 10 ต.ค.นี้
สำหรับ BYD ATTO 3 ที่นำมาให้ทางสื่อมวลชนรวมสัมผัสและทดสอบแบบ First Impression กันก่อนเปิดตัวนี้ทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ บอกว่าให้อิงจากเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในออสเตรเลีย ซึ่งในการทดลองขับครั้งนี้จะแบ่งการทดสอบแบ่งออกเป็น 3 สถานี ได้แก่ สถานีที่ 1 ทดสอบอัตราเร่งแบบ 0-100 กม./ชม., สถานีที่ 2 ทดสอบการยึดเกาะถนน และถานีสุดท้ายเป็นการทดสอบระบบความปลอดภัย ADAS
ดีไซน์ภายนอกออกแบบได้ดูสวยเด่น ลงตัวทุกสัดส่วน
ซึ่งก่อนที่ไปรับรู้ถึงสมรถนะเล็ก ๆ ก่อนเปิดตัวมาทำความรู้จักกับตัวรถกันก่อน BYD ATTO 3 (บีวายดี อัตโต้ 3) เป็นรถยนตฺไฟฟ้าในรูปแบบครอสโอเวอร์เอสยูวี ขนาด B เซกเมนต์ 5 ที่นั่ง ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน e-platform 3.0 มีมิติตัวถังความยาวอยู่ที่ 4,455 มม.,กว้าง 1,875 มม., สูง 1,615 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,720 มม. โดยมีชื่อในตลาดเมืองจีนว่า BYD Yuan Plus
ในด้านงานออกแบบตัวรถใช้ภาษาการออกแบบที่เรียกว่า Dragon Face 3.0 กระจังแบบปิดทึบ ขอบด้านบนกระจังหน้าเป็นโครเมียมพร้อมตีตราติดชื่อแบรนด์ BYD ที่ย่อมาจากคำว่า BUILD YOUR DREAMS ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยไฟหน้าแบบ Dragon Crystal LED มาพร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential หลังคากระจก Panoramic Sunroof พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ราวหลังคา กระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
ส่วนไฟท้ายเป็น LED ที่ดีไซน์ให้ดูคล้ายขนนกที่พริ้วไหว พร้อมตกแต่งที่บริเวณเสา C ด้านท้ายด้วยวัสดุที่เป็นโครเมียมลวยลายคล้ายเกล็ดมังกร
ด้านข้างตัวรถมากับเส้นสายที่คมชัด ดูสปอร์ตเสริมความเป็นรถครอสโอเวอร์ด้วยขอบซุ้มล้อสีดำ ตกแต่งชายประตูด้านข้างด้วยวัสดุสีดำ ในส่วนล้ออัลลอยจะเป็นสีทูโทนจะมีขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 215/55 R18 ยี่ห้อ Atlas รุ่น Batman A51
ภายในห้องโดยสารล้ำสมัย เหมือนนั้่งอยู่ภายในห้องดนตรี
ภายในห้องโดยสารของจะเป็นแบบ 5 ที่นั่งออกแบบโดยมีแรงบันดาลใจจากความงามของดนตรี ทำให้มีความล้ำสมัยและดูแปลกตา มีวคามพริ้วไหวในทุกสัดส่วน มาในสีทูโทน สีน้ำเงิน-เทา พร้อมตกแต่งให้เป้นกิมมิคเล็ก ๆ ด้วยเส้นสายสีแดง 3 เส้นที่แผงประตูข้างบรเวณใกล้ช่องเก็บของ เมื่อใช้นิ้วดีดจะส่งแต่ละเส้นจะส่งเป้นเสียง โด-เร-มี ตามเส้นของโน็ตเพลง
ขณะที่ในส่วนคอนโซลหน้ามาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลแบบ Full Digital ขนาด 5 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้านตัดหุ้มด้วยหนังและตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยม และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดภายในจะเป็นหน้าจออินโฟรเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ที่สามารถหมุนปรับได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน รองรับ Apple Carplay และ Android Auto พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง มาพร้อมฟังก์ชั่น OTA
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ มาพร้อมที่กรองอากาศ PM 2.5 ดีไซน์ช่องแอร์ให้เป็นเส้นตรงที่ดูแปลกตา ที่ออกแบบหน้ากากแอร์ให้มีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมตกแต่งด้วยสีเงิน ที่มองดูแล้วคล้ายช่องวางแผ่น CD ในสมัยก่อน มาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ระบบเครื่องเสียงมาพร้อมลำโพง 8 ตัว พร้อมติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย กุญแจแบบ Keyless Entry มาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า และฟังก์ชั่น Auto Brake Hold และช่องต่อ USB-C 2 ตำแหน่ง และ USB-A 2 ตำแหน่ง
เบาะนั่งคู่หน้าฝั่งผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง มาในทรงสปอร์ตโอบกระชับตัวได้เป็นอย่างดีหุ้ด้วยหนังสีทูโทน พร้อมเดินตะเข้บด้วยด้าสีแดง ขณะที่เบาะหลังแยกพับ 60/40 พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,330 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังปรับลง
ในส่วนคอนโซลกลางออกแบบให้มีขนาดใหญ่ มาพร้อมสวิตซ์เปลี่ยนเกียร์แบบ Finger-touched Electronic Shift, มือเปิดประตูด้านในจะถูกออกแบบให้อยู่กับในส่วนลำโพง ปิดท้ายความหรูหราตามแบบฉบับรถยนต์จากประเทศจีนด้วยหลังคา Panoramic Sunroof
ขุมพลังขับเคลื่อนอิงมาจากเวอร์ชั่นในออสเตรเลีย
ด้านขุมพลังของ BYD ATTO 3 สเปคที่จะวางจำหน่ายในบ้านเรานั้น จะอิงมาจากเวอร์ชั่นที่ขายนออสเตรเลีย จากที่ผู้ทดสอบได้ดูที่หน้าจอจะเห็นถึงระยะทางการขับที่ขึ้นบนหน้าจอจะมีระยะทางอยู่ที่ 400 กว่ากิโลเมตร ซึ่งก็เทียบได้กับในรุ่น Extended Range ที่มีขนาดความจุขนาด 60.48 kWh เมื่อชาร์จไฟเต็มจะให้ระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 480 กม.
ส่วนด้านมอเตอร์ไฟฟ้าจะแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ติดตั้งไว้ที่คู่ล้อหน้าให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 204 แรงม้า มาพร้อมแรงบิด 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.3 วินาที ส่วนจะขับจริงได้ขนาดไหนเด้วไปรับรู้่กันในช่วงทดสอบจริง
สำหรับการชาร์จไฟนั้นจะมี หัวชาร์จไฟ AC แบบ Type 2 และ DC แบบ CCS2 มาพร้อมการระบบชาร์จไฟเร็วแบบ DC ขนาด 80 KW ที่ชาร์จไฟจาก 30-80% ได้ในเวลา 30 นาที พร้อมกับระบบที่สามารถจ่ายไฟไปยังชุดอุปกรณ์ด้านนอกตัวรถได้อีกด้วย
ทดสอบชิมลางแบบเบา ๆ กับ 3 สถานีย่อย
ทาง Rêver Automotive ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับเป็นเวลาสั้น ๆ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 สถานีหลัก (Station) เริ่มจากทดสอบอัตราเร่ง 0-100 แล้วเบรกเต็มกำลัง ส่วนสถานี้ที่ 2 เป็นการทดสอบการควบคุมและการตอบสนองของช่วงล่างกับพวงมาลัยในสถานีสลาลมกับเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน สำหรับสถานีสุดท้ายระบบความปลอดภัย ADAS ใหม่ บนตัว BYD ATTO 3
เริ่มจากสถานนีแรกเป็นการทดลองอัตราเร่งที่จากทางผู้ผลิตเคลมไว้จาก 0-100 กม./ชม. ในเวาล 7.3 วินาที ซึ่งจากการทดสอบ จะให้เลือกปรับโหมดการขับขี่ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่ Comfort, Sport และ Eco พบว่าในแต่ละโหมด การส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้ามีความแตกต่างกันพอสมควร
ขณะที่ในโหมด Sport จะมีการออกตัวช่วงตีนต้นที่ฉับไวกว่าเดิมเล็กน้อย และสามารถไต่ความเร็วได้รวดเร็วกว่าโหมดอื่นๆ เป็นจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะในแต่ละโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยจากการทดสอบวิ่ง 0-100 กม./ชม. ใน Sport ทางผู้ขับสามารถทำเวลาได้ต่ำกว่า 8 วินาที (นั่ง 3 คัน) ซึ่งก็ถือว่าใก้เคียงกันกับเวลาที่ทางผู้ผลิตเคลมไว้
ในส่วนสถานีที่ 2 จะเป็นการทดสอบการยึดเกาะถนน กับการขับขี่ที่มีการหักเลี้ยวต่อเนื่อง และการเข้าโค้งเป็นเลข 8 รวมถึงการเข้าโค้งความเร็วสูง และการเบรคในจุดที่กำหนด โดยในสถานีนี้จะทำให้รับรู้ถึงการตอยสนองของพวงมาลัยที่ดีของ BYD Atto 3 น้ำหนักพวงมาลัยที่ไม่เบาและหนักจรเกินไป มีการตอบสนองที่ดี
ระบบช่วงล่างเป็นอะไรที่ต้องชมถือว่าปรับเซ็ทมาได้ดีเลยที่เดียวโดยเฉพาะด้านหลังที่เป็นแบบมัลทิลิงค์ ตอบสนองได้ดีมีความหนึบและแน่น นุ่มนวล ไม่มีอาการโคลงและโยนให้เห็นตอนเข้าโค้งเลข 8 รวมถึงในช่วงการปรับเปลี่ยนเลนด้วยความเร็ว
ปิดท้ายด้วยสถานีทดสอบระบบความปลอดภัยแบบ ADAS ที่อยู่บนตัวของ BYD ATTO 3 ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการออกนอกเลนโดยไม่เจตนา หรือระบบ ASS Adaptive Cruise Control with Stop & Go Full Speed ซึ่งทุกระบบสามารถทำงานได้จริง โดยเฉพาะ ASS ที่แปนผันความเร้วตามคันหน้า ที่เร่งตามคันหน้า แล้วหยุดได้จริง
ส่วนระบบสุดท้ายคือระบบแจ้งเตือนรถด้านหลังเมื่อเปิดประตู Blind Spot Detection ที่มาพร้อมสัญญาณเสียงพูดเตือนของ AI และไฟแจ้งเตือนที่กะพริบทันทีเมื่อเปิดประตูแล้วมีรถอยู่ด้านหลัง ซึ่งถือว่าเป็นความแปลกใหม่ของระบบนี้กับรถในเซกเมนท์นี้ที่จัดมาให้
สรุปบททดสอบ BYD ATTO 3 แบบช่่วงเวลาสั้น ๆ จัดว่าดี แต่ต้องดูที่ราคา !!!
สำหรับ BYD ATTO 3 ต้องบอกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่ออกแบบมาได้โดนใจ ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสาร มีความลงตัวมากในหลาย ๆ ส่วน มาพร้อมกับออปชั่นความปลอดภัยที่จัดมาให้แบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก แถมเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ มาให้อีกด้วย การประกอบและวัสดุที่ใช้มีความพรีเมียมเกรดดีเทียบเท่าญี่ปุ่นและยุโรปเลยทีเดียว
ในด้านสมรรถนะการขับขี่โดยรวมตัวรถสามารถเรียกแรงบิดมาใช้งานได้อย่างทันอกทันใจออกตัวไวตามประสารถรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องรอรอบ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 204 แรงม้า กับแรงบิดที่มากถึง 310 นิวตันเมตร จากตัวเลก 0-100 ที่ทำได้ต่ำกว่า 8 วิ (แบบนั่ง 3 ที่นั่งหุ่นไซซ์หมี) อันนี้ต้องถือว่าดีงาม
สำหรับในด้านการขับขี่พวงมาลัยปรับเซ็ตมาดีคม ไม่ไวเกินไป สามารถทำให้ควบคุมทิศทางได้แม่นยำ (อีกทั้งยังสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 2 ระดับ ทั้งแบบ Comfort และแบบ Sport)
ระบบกันสะเทือนอันนี้แจ๋ม ปรับเซ็ตมานุ่มนวลดี มีความนุ่มนวล มาพร้อมความแน่นหนึบ ไม่มีอาการท้ายดิ้น ย้วยให้เห็น (การทดสอบยังเป็นแบบในสนามปิดยังไม่ได้ลองบนถนนจริง)
โดยสรุปโดยรวมจัดว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกคันที่น่าสนใจมิใช่น้อย แต่บทสุรปสุดท้ายคงต้องไปดูในเรื่องราคาค่าตัวที่จะเปิดเผยในวันที่ 10 ต.ค. ที่จะถึงนี้ ถ้าได้รับส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมภาครัฐ แล้วอยู่ในเรต ไม่เกิน 1.1 – 1.2 ล้าน รับรองว่ามีตีตลาดแตกแน่นอน
