Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) เป็นรถกระบะที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนชื่อรุ่นให้ถูกเรียกว่า REVO-D และที่สำคัญมาพร้อมกับระบบช่วงล่างใหม่ ที่ยกความสปอร์ตของช่วงล่าง GR-Sport มาใส่ทั้งชุด และในวันนี้เราได้ไปสัมผัสความสปอร์ตของระบบช่วงล่างที่ถ่ายทอดจากสนามแข่งมาอยู่บนตัวรถกระบะแบบบ้าน ๆ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกัน
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อ ส.ค. ที่ผ่านมาสำหรับรถกระบะขวัญใจชาวไทยอย่าง Toyota Hilux Revo รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2556 ล่าสุดทางผู้ผลิตอย่างทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ก็ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมทดลองสมรรถนะของรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดโดยได้นำในรุ่น Toyota Hilux REVO-D 4 ประตู Z-Edition (Lo-Floor) ที่เป็นรุ่นปรับปรุงระบบช่วงล่างใหม่ โดยยกช่วงล่างของทาง GR-Sport มาใส่ทั้งชุด
ซึ่งครั้งนี้ทีมงาน Autostation.com ได้รับเกียรติเข้าร่วมการทดลองขับในครั้งนี้เช่นเคย และแน่นอนว่างานนี้เราก็นำเอาผลการทดลองขับมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ สำหรับคนที่กำลังหามองหารถกระบะรุ่นใหม่มาใช้
ก่อนจะเข้าไปถึงรายละเอียดความดีงามของระบบช่างล่าง GR-Sport ของ Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) หรือตัวเตี้ย เรามาดูรูปลักษณ์การเปลี่ยนแปลงภายนอกของรถคันนี้กันก่อน
หน้าตาที่หล่อและดุดันมากขึ้น
Toyota Hilux Revo-D Z-Edition MY2022 เป็นกระบะดับเบิลแค็บ 4 ประตู รุ่นตัวเตี้ย ที่ได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย มาพร้อมรูปลักษณ์หน้าตาที่ปรับให้มีความหล่อ และดุดันมากกว่ารุ่นเดิม
โดยได้รับการตกแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มเติมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีดำเมทัลลิกและโครเมียม ขนาบข้างด้วยไฟหน้า Bi-Beam LED แบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home พร้อมด้วยระบบไฟหน้าปรับสูงต่ำ
ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เสริมความปลอดภัยด้วยกระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัวปรับระดับด้วยไฟฟ้า เติมความหล่อด้วยล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว
ฟังก์ชั่นภายในห้องโดยสารมาครบในแบบรถกระบะส่วนบุคคลพร้อมใช้งาน
สำหรับภายในห้องโดยสารของ Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) ถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันอุปกรณ์การใช้งานแบบครบครัน ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยธีมสีดำ เพิ่มความหรูหราพรีเมียมด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเมทัลลิก และวัสดุสีเงินที่คอนโซลหน้า และบริเวณคันเกียร์ เบาะที่นั่งหุ้มด้วยผ้าสีดำ ปรับสูง-ต่ำได้เฉพาะฝั่งคนขับ เบาะนั่งด้านหลังมีที่พักแขนสามารถพับเก็บได้พร้อมที่วางแก้วน้ำ
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนัง หน้าจอแสดงผลข้อมูลขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว มาพร้อมหน้าจออินโฟรเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาพร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง, กระจกไฟฟ้าปรับขึ้นลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
มาพร้อมสวิตช์โหมดการขับขี่แบบ Eco และ Sport ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่มที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้คันเกียร์
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยมีมาให้พอสมควร
สำหรับระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) ก็มีมาให้เท่าที่จำเป็น อาทิ ถุงลมนิรภัย 3 จุด, เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ สำหรับเบาะคู่หน้า, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบล็อกประตูอัตโนมัติตามความเร็ว
ขุมพลังชุดเดิมเครื่องยนต์เดิม 2.4 ลิตร เทอร์โบ
Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) ยังมากับเครื่องยนต์เดิมขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังคู่ล้อหลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มาพร้อมดิสก์เบรกหน้า ดรัมเบรกหลัง
ระบบช่วงล่างใหม่ยกชุด
Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) มีการปรับปรุงชุดช่วงล่างใหม่จากปรัชญาการพัฒนารถแข่งระดับโลก Gazoo Racing นั่นคือ “GR-Sport” โดยได้ยกช่วงล่างของในรุ่น 2.8 GR ไม่ว่าจะเป็นโช็ค สปริง แหนบ พร้อมการปรับคอยล์สปริงหน้าและแหนบหลังใหม่ ให้มีความสูงเตี้ยลงมา 23 มม. ซึ่งผลทำให้ค่า CG หรือจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงมา เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังได้ปรับขนาดของโช็คอัพด้านหน้าและด้านหลังให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลของรถอีกด้วย
พร้อมขยายขนาดล้อจากเดิม 16 นิ้ว เป็น 17 นิ้ว โดยได้ยกล้อของทางตัว Toyota Cross มาใส่ ส่วนยาง Radial ยกมาจากตัว Toyot Camry ที่มีขนาด 215/55 R17 ส่งผลที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระยะเบรกสั้นลงถึง 4 เมตร ในช่วงความเร็วที่ 100 กม./ชม. รวมถึงยังช่วยในเรื่องของความปลอดภัยและช่วยในเรื่องของอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกด้วย
ในด้านการบรรทุกทางผู้ผลิตเคมว่าสามารถรองรับน้ำหนักรวมได้ 1 ตัน ซึ่งรวมทั้งผู้ขับและผู้โดยสารแบบเต็มลำ ซึ่งก็หมายความว่าถ้านั่ง 5 ที่นั่งเต็ม เฉลี่ยคนนั่งน้ำหนักคนละ 80 กก. ก็จะสามารถบรรทุกน้ำหนักด้านท้ายได้อีกราว 500-600 กก.
สมรรถนะการขับขี่นุ่มหนึบเหมือนรถเก๋งซีดาน
หลังจากทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้า Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) พอประมาณ มาเข้าถึงโหมดทดสอบสมรรถนะกันเลยแล้วกัน สำหรับเส้นทางการทดสอบในครั้งนี้เราใช้เส้นทาง กรุงเทพ –เขาใหญ่ โดยเราจะวิ่งขึ้นเขาใหญ่ที่ฝั่ง จ.ปราจีนบุรี ข้ามเขาใหญ่มาลงที่ถนนธนะรัชต์ เพื่อไปส่งมอบข้าวสารให้กับทางโรงเรียนบ้านหมูสี ที่อยุ่บริเวณทางขึ้นเขาใหญ่บนถนนธนะรัชต์
เริ่มต้นออกสตาร์ทกันที่ Toyota ALIVE บางนา กม.3 มุ่งหน้านเส้นทางมอเตอร์เวย์บางนา – บางประอิน ก่อนเลี้ยวลงเส้นรังสิต – นครนายก ซึ่งในเส้นทางช่วงนี้จะมีจราจรที่หนาแน่นเพราะเป็นช่วงเวลาเช้า อีกทั้งยังมีสายฝนลงมาตลอดเวลา ทำให้พื้นผิวจราจรนั้นชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนตลอดทริปการเดินทาง แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับ Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) ใหม่คันนี้ปรับเซทจูนช่วงล่างมาใหม่ทำให้การเปลี่ยนเร่งแซงในช่องทางแคบ ๆ ไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งคงเป็นผลมาจากการปรับคอยล์สปริงหน้าและแหนบหลังใหม่ ให้มีความสูงลลดลงมา 23 มม. ช่วยให้ตัวรถนั้นมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงมา ทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
รวมถึงยางที่ปรับเปลี่ยนมาใหม่ช่วยให้รีดน้ำได้ง่าย อีกทั้งยังมีความนุ่มเงียบไม่กระเด้งกระดอนมากเหมือนรกระบะะทั่วไป บวกกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,000 ที่ทำให้การเร่งแซงได้รวดเร็วทันใจ
ยิ่งพอหลุดช่วงรถแน่นบนมอเตอร์เวย์เข้าสู่เส้นนครนายก จะได้ลองสมรรถนะตัวรถกันอย่างเต็มที่ ในช่วงนี้ต้องบอกว่าถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิม แต่อัตราเร่งนั้นตอบสนองได้ดีฉับไว บวกกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ลื่นไหล เรียกว่ากดเป็นมาในทุกรอบ รวมถึงพวงมาลัยก็ยังมีการปรับให้อัตราทดของแรคตอบสนองต่อการขับเร็ว ในย่านความเร็วต่ำก็ไม่หนักเกินไป ส่วนความเร็วสูงก็ยังนิ่งและมั่นคง
หลังจากฝ่าสายฝนและถนนที่เปียกนองด้วยสายน้ำฝนตลอดเส้นทางก็เดินมางมาถึง เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ทางด้าน จ. ปราจีนบุรี ซึ่งในช่วงนี้ต้องบอกว่าเป็นทางขึ้น-ลง เขา และมีโค้งสลับซ้าย-ขวา เราจะได้ทดลองและทดสอบระบบช่วงล่างใหม่ของ Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) อย่างเต็มที่ ในด้านขุมพลังไม่ต้องห่วงเพราะเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีพละกำลังเหลือเฟือให้การปีนไต่และวิ่งขึ้นลงเขาใหญ่ได้อย่างสบาย ไม่ต้องเค้นหรือรอรอบ
ส่วนการเข้าโค้งไม่มีกรยุบย้วยให้เห็น นั่งหลังไม่ค่อยมีการเหวี่ยงเพราะตัวรถได้ปรับความสูงลงมา ลดการโคลงตัวรถได้ดี รวมถึงได้ระบบช่วงล่างใหม่ที่ยก GR Sport ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนสปริงใหม่ ส่วนโช้คอัพที่เปลี่ยนมาให้ใหม่ก็ใช้ขนาดแกนที่ใหญ่ขึ้น แหนบที่ปรับค่า K เพิ่มขึ้น 25% ผสานกับล้อที่เอามาจากตัว Toyota Cross และยาง Radial ใหม่ที่ยกมาจากตัว Toyota Camry มีขนาด 215/55R17 และถูกปรับเซทให้เข้ากันอย่างลงตัว จึงทำให้รองรับแรงสั่นสะเทือน แรงกระแทกจากผิวถนนไม่เรียบได้ดี เวลาวิ่งเข้าคอสะพาน หรือเนินลูกระนาดก็มีความแน่นหนึบเกาะถนนได้ดี เรียกได้ว่ามีความนุ่มและเนียนเหมือนกับรถเก๋งซีดานเลยทีเดียว
บทสรุป
สำหรับ Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) กระบะตัวเตี้ย 4 ประตูใหม่ กับราคา 8 แสน 5 พันบาท นี้จัดเป็นรถที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งใช้งานส่วนบุคคล หรือนำไปใช้บรรทุกสัมภาระเพื่อการทำงาน หรือเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด ด้วยพละกำลังที่มีมากให้พอสมควรกับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ขับสนุกมีอัตราเร่งที่ดี สามารถตอบสนองได้อย่างเหลือเฟือ พละกำลังดี เร่งแซง ขับทางไกลไม่มีความเมื่อยเหนื่อยล้า วิ่งในเมืองก็ดูเท่ห์ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดดุดตา
รวมถึงระบบช่วงล่างที่ปรับใหม่แบบยกชุดที่มาจาก GR SPORT นั้นต้องบอกวาเป็นอะไรที่ดีงาม ตัวรถมีความนิ่มหนึบขึ้น อาการกระด้าง กระแทก กระเด้ง กระดอน รวมถึงอาการโคลงแบบกระบะทั่ว ๆ ไปนั้นลดน้อยลง สามารถใช้งานได้ทั้งในเมือง และนอกเมือง
รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก และระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยก็จัดมาคุ้มค่าตัวที่จ่ายไป 8 แสนเศษ ๆ แต่ถ้าเพิ่มกล้องมองหลังก็จะดีมากกว่านี้
ถ้าหากใครที่ต้องการรถกระบะที่มีทั้งความสปอร์ต ช่วงล่างเนียน ๆ นิ่มหนึบมาเหมือนกับรถเก๋ง รองรับการใช้งานได้ทั้งในเมืองและบรรทุกของวิ่งทางไกล Toyota Hilux REVO-D Z-Edition (Lo-Floor) กระบะตัวเตี้ย 4 ประตู คันนี้ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหารถกระบะใช้งานสักคัน และที่สำคัญมากับราคาค่าตัวเพียง 805,000 บาท เท่านั้น
