หลังจากที่ทาง CHANGAN (ฉางอัน) ได้เคยนำ AVATR 11 อีกหนึ่งแบรนด์รถในสังกัด เข้ามาโชว์ตัวที่ในงาน Motor Expo 2023 และในงาน Motor Show 2024 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการหยั่งเชิงดูกระแสความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย
ล่าสุดทาง CHANGAN พร้อมเปิดตัว ประกาศราคาจำหน่าย อย่างเป็นทางการของ AVATR 11 เอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าดีไซน์หรู ทรงพรีเมียมตัวใหม่รุ่นนี้แล้วในตลาดเมืองไทย โดยจะมีขึ้นในวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่จะถึงนี้ ลุ้นราคาค่าตัวเริ่มที่ราว ๆ 1.9 ล้านบาท
สำหรับ AVATR เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าสุดหรู ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างสุดยอดแบรนด์ชื่อดังจากประเทศจีน 3 แบรนด์ อย่าง CHANGAN Automobile ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ๋จากจีน CATL ผู้ผลิต และให้บริการแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และ Huawei แบรนด์โทรศัพท์ชื่อดังจากประเทศจีน
โดย AVATR 11 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน เมื่อราว 2 ปีที่ผ่านมา โดยในด้านงานออกแบบดีไซน์จะเน้นความล้ำสมัย หรูหรา ดูพรีเมียมตั้งแต่หน้าจรดท้าย
ด้านหน้ามากับชุดไฟหน้า LED และไฟ DRLs ในดีไซน์แบบเบางเฉียบ ที่เป็นเส้นตรง และรูปตัว L ที่อยู่ถัดลงมาด้านล่าง กระจังหน้าแบบปิดทึบ กันชนหน้าออกแบบให้ดูเป็นช่องรับลมแบบหลอกตาลวยลายเป็นลายตาราง นอกจากนั้นยังติดตั้งแถบหน้าจอที่สามารถสื่อสารกับผู้คนภายนอกได้ อยู่ด้านล่างกระจกบังลมหน้าเหนอฝากระโปรงหน้า ทั้งกล่าวทักทาย และบอกเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ดีไซน์ด้านข้างตัวรถแบบเรียบหรู แนวหลังคาลาดเอียงในสไตล์รถคูเป้ มือเปิดประตูเป็นแบบ Pop-Up ที่ราบเรียบไปกับตัวรถ ตัวรถจะไม่มีขอบหน้าต่าง
พร้อมติดตั้งกล้องไว้ที่ด้านข้างตัวรถ เพื่อแสดงว่ารถรุ่นนี้มาพร้อมกล้องรอบคันแบบ 360 องศา ส่วนที่ชาร์จไฟติดตั้งอยู่ที่ซุ้มล้อหลังฝั่งซ๊ายมือ ส่วนชุดไฟท้ายแบบสมัยนิยมที่เป็นไฟ LED แบบเรียวยาวที่พาดเต็มขวางในส่วนด้านท้าย
AVATR 11 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม EP1 มีความยาวตัวรถอยู่ที่ 4,880 มม. ความกว้าง 1,970 มม. ความสูง 1,601 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,975 มม.
ภายในห้องโดยสารของ AVATR11 ในเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายจีนจะมีทั้งแบบ 4 และ 5 ที่นั่ง ส่วนตัวที่คาดว่าจะนำมาจำหน่ายในตลาดเมืองไทยนั้นคาดว่าจะเป็นแบบ 5 ที่นั่ง
ขณะที่ในรุ่น 4 ที่นั่งนั้น ตัวเบาะด้านหลังจะเป็นแบบกัปตันซีท ถูกคั้นกลางด้วยคอนโซลขนาดใหญ่มาพร้อมแท่นวางสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมีลิ้นชักที่เป็นช่องเก็บความเย็น
ในส่วนของแผงแดชบอรฺ์ดจะมากับหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ที่รองรับฟังก์ชันการแบ่งหน้าจอ เพื่อแสดงการนำทาง เล่นเกม และรับชมวิดีโอได้ มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าที่มีขนาดเดียวกันคือ 10.25 นิ้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานผ่านซอฟต์แวร์ของ Huawei
นอกจากนี้ยังมีมาพร้อมกับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย ระบบเครื่องเสียงมากับระบบ 14 ตำแหน่ง พร้อมติดตั้งระบบตัดเสียงรบกวนจากถนน และสามารถสร้างเสียงคำรามของเครื่องยนต์ให้เร้าใจในยามขับขี่ ด้วยระบบ Active Sound Enhancement
ด้านขุมพลังขับเคลื่อนมีให้เลือก 4 รูปแบบทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD และ มอเตอร์คู่ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD โดยจะมีทั้งแบตเตอรี่ขนาดเล็ก Standard และ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ Long Range
- รุ่น Single Motor Standard จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวสเดี่ยวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม ในเวลา 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กม./ชม. จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 90 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 630 กม. (CLTC)
- รุ่น Single Motor Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าจะเป้นแบบเดียวกับในรุ่น Single Motor Standard แต่จะได้รัลแบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่ขึ้นโดยมีความจุอยู่ที่ 116 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทาง 730 กม.(CLTC)
- รุ่น Dual Motor Standard จะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2 ตัว ให้กำลังรวม 578 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม ในเวลา 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กม./ชม. จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 90 kWh ชาร์จไฟวงไกล 580 กม. (CLTC)
- รุ่น Dual Motor Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนจะเหมือนกับในรุ่น Dual Motor Standard ที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2 ตัว จับคู่แบตเตอรี่ขนาด 116 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกล 700 กม. (CLTC)
ด้านเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยของ AVATR 11 จะมากับระบบป้องกันการชนรอบด้าน ที่ประกอบไปด้วยระบบ AEB/GAEB ด้านหน้า, ระบบ ELKA/LOCP ด้านข้าง และ ระบบ RAEB ด้านหลัง รวมถึงมีการป้องกันการชนกันของสิ่งกีดขวางด้านข้าง (LOCP) ใหม่ที่ทำงานโดย เครือข่าย Laser Radar GOD โดยเมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็อยู่ในช่วง 30 – 130 กม./ชม. ระบบป้องกันการชนด้านข้างจะช่วยหลบหลีกเมื่อตรวจพบสิ่งกีดขวาง และควบคุมรถให้กลับเข้าสู่เลนเดิม เพื่อป้องกันการชน
สำหรับราคาจำหน่าย AVATR 11 ในตลาดเมืองจีนนั้น จะมีราคาอยู่ระหว่าง 300,800 – 390,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.44 – 1.87 ล้านบาท ขณะที่เวอร์ชั่นไทยแลนด์ สเปกพวงมาลัยขวา นั้นคาดว่ามีราคาเริ่มอยู่ที่ราว ๆ 1.9 ล้านบาท ส่วนจะมากน้อยแตกต่างจากเวอร์ชันในจีนขนาดใหน รวมทั้งสเปกรายละเอียด ออปชัน ต่าง ๆ กันอย่างไร วันที่ 17 กันยายน 2567 ที่จะเป็นวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยนี้ได้ทราบกันอย่างแน่นอน
ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาอย่างไรทีมงาน Autostation.com จะรีบนำมารายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่งโดยทันที