Chery หนึ่งในผู็ผลิตรถชื่อดังในตลาดเมืองจีน ประกาศเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในซีรีส์ Fulwin โดยมาในรูปแบบเอสยูวีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า Chery Fulwin T10 โดยเอสยูวีตัวใหม่นี้นับเป็นรถรุ่นที่ 4 ในซีรีส์ Fulwin ของทางแบรนด์เฌอรี่ ที่มีวางจำหน่ายในประเทศจีน นับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์ Fulwin หรือที่รู้จักกันในชื่อ Fengyun ในประเทศจีน) ออกมาตั้งแต่ปี 2023
สำหรับ Chery Fulwin T10 รถเอสยูวี PHEV ใหม่ที่เปิดตัววางขายในจีน จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 เกรด มากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5T ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยว และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 189,900 – 229,900 หยวน หรือราว ๆ 9.39 แสนบาท – 1.13 ล้านบาท
ในด้านงานออกแบบตัวรถ กระจังดีไซน์แบบปิดทึบ พร้อมตกด้วยเส้นโครเมียมที่ออกแบบให้ดูเหมือนกันสายน้ำตก โดยมีโลโก้ของทาง Chery วางอยู่ด้านบน
มาพร้อมชุดไฟหน้าทรงเรียวยาว มีไฟ DRL LED เป็นเส้นอยู่ด้านใน ขณะที่ไฟส่องสว่างจะเป็นแบบโปรเจคเตอร์วางอนู่ด้านล่างในโคมเดียวกัน โดยมีแถบโครเมียมรมดำเชื่อมต่อชุดไฟหน้าทั้ง 2 ฝั่ง
ส่วนด้านล่างจะมากับช่องระบายอากาศสีดำทรงสี่เหลี่ยมคางหมู และออกแบบให้มีช่องดักอากาศเทียมวางขนาบอยุ่ที่มุมทั้ง 2 ฝั่งด้านข้าง
เส้นสายด้านข้างตัวรถดีไซน์ให้มีมิติ ที่ดูเฉียบคม โดยมีเส้นนำสายตาลากยาวตั้งแต่ไฟห้าไปยังชุดไฟท้าย มาพร้อมมือจับประตูแบบซ่อนราบเรียบไปกับตัวรถ เติมความภูมิฐานอลังการด้วยล้ออัลลอยทูโทนปัดเงาลาย Wind Blade ขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว
ด้านท้ายตามแบบสมัยนิยมกับชุดไฟท้าย LED ที่วางพาดเต็มพื้นที่ โดยตีตราชื่อแบรนด์ F U L W I N ไว้กึ่งกลาง มาพร้อมแถบโครเมียมที่รองอยู่ด้านล่าง ขณะที่กันชนท้ายตกแต่งด้วยแถบวัสดุสีดำเงา พร้อมออกแบบให้ในส่วนของชุดท่อไอเสียมาในแบบซ่อน
Chery Fulwin T10 จะมีเฉดสีภายนออกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว, สีเงิน, สีดำ, สีเขียว และสีเขียวหลังคาดำ
ในด้านมิติตัวรถของ Fulwin T10 จะเป็นรถเอสยูวีขนาดกลางถึงใหญ่ โดยมีขนาดตัวถังความยาว 4,850 มม. ความกว้าง 1,930 มม. ความสูง 1,712 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,820 มม. มาพร้อมน้ำหนักตัวรถที่ 2,028 กก. (รุ่น 5 ที่นั่ง) และ 2,199 กก. (รุ่น 6 ที่นั่ง)
ภายในห้องโดยสาร จะมีให้ทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง (2+3) และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง (2+2+2) มีสีภายในให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีม่วง Elegant Twilight Purple และ สีเขียว Stylish Mountain Mist Green พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุแบบบุนุ่มรอบห้องโดยสาร
ตัวเบาะที่นั่งจะหุ้มด้วยหนังเกรดพรีเมียมที่เน้นเนื้อสัมผัสที่นุ่นสบาย ในส่วนเบาะที่นั่งคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า เบาะนั่งด้านหน้าของรุ่น Premium Edition มาพร้อมรองรับระบบทำความร้อน ส่วนเบาะนั่งด้านหน้าของรุ่น Luxury Edition มีฟังก์ชันทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และนวด รวมถึงระบบทำความร้อนสำหรับเบาะนั่งแถวที่สอง
ขณะที่ในรุ่นรุ่นเรือธง 4WD จะเพิ่มลำโพงไว้ที่พนังพิงศีรษะของฝั่งผู้ขับขี่ และตั้งตั้งระบบระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งด้านหลังเพิ่มเติมเข้ามา นอกจากนั้นในทุกรุนเบาะฝั่งผู้โดยสาารตอนหน้าจะเป็นเบาะแบบ Gravity Queen
แผงแดชบอร์ฺดจะมากับหน้าจอขนาดใหญ่ ที่ด้านในจะประกอบไปด้วยแผงหน้าปัด LCD ขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจอควบคุมกลางขนาด 12.3 นิ้ว ที่อยู่ในจอเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Huawei HiCar และ Apple CarPlay ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ AR-HUD ขนาด 50 นิ้ว, พวงมาลัยทรง D -Shape พร้อมดีไซน์ในส่วนของช่องระบายอากาศให้มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
คอนโซลกลางจะมทีพื้นที่ขนาดกว้าง ถูกวางเชื่อมต่อติดกับคอนโซลหน้า โดยติดตั้งแท่นชาร์จสมารืตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังชาร์จไฟที่ 50W ที่มีมาให้ 2 ตำแหน่ง อีกทั้งยังมากับชุดไฟ Ambient Light 256 สี
รวมทั้งยังได้รับระบบควบคุมสั่งงานตัวรถระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือ, ระบบเชื่อมต่อแบบ Bluetooth, ฮอตสปอต, WiFi เครือข่าย 4G มาพร้อมระบบผู้ช่วย AI และระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 14 ตำแหน่งของทาง Sony ปิดท้ายด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิก
Fulwin F10 ยังได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ L2.5 ที่ทำงานผ่านเรดาร์ด้านหน้า และด้านหลัง ที่จะมากับระบบตรวจสอบความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบเตือนการเปิดประตู, ระบบตรวจสอบจุดบอด, ระบบเตือนการชนด้านหลัง, ระบบเตือนถอยหลังขณะที่รถตัดผ่านด้านหลัง และระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมากับถุงลมนิรภัยด้านหน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างด้านหน้า, ถุงลมนิรภัยม่านศีรษะด้านหน้าและด้านหลัง, ระบบเรดาร์จอดรถทั้งด้านหน้า และด้านหลัง, กล้องพาโนรามา 360 องศา, ระบบจอดรถอัตโนมัติ, ระบบช่วยรักษาให้รถอยู่ในเลน, กุญแจ Keyless Entry
ส่วนในรุ่น Luxury Edition จะได้รับชุดอุปกรณ์เพิ่มเติมโดยจะมากับไฟเตือนการเปิดประตู, เครื่องบันทึกการขับขี่, กล้องพาโนรามา 540 องศา, เครื่องปรับอากาศแยกอิสระเบาะนั่งด้านหลัง ในขณะที่รุ่นตัวท็อปขับเคลื่อนสี่ล้อ จะเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านหลัง, ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าคนขับ, ถุงลมนิรภัยตรงกลางด้านหน้า เป็นต้น
ด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับระบบ PHEV โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5T ที่ให้กำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร โดยจะทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวที่ให้กำลัง 165 kW (221 แรงม้า) แรงบิด 390 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะให้กำลังที่มากถึง 280 kW แรงบิด 375 แรงม้า แรงบิด 610 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0- 100 กม. ในเวลา 8.8 วินาที
ส่วนในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อจะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าที่คู่ล้อหลังให้กำลัง 75 KW (235 แรงม้า) แรงบิด 310 นิวตันเมตร โดยเมื่อเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัวทำงานร่วมกันจะให้กำลังมากถึง 455 KW (610 แรงม้า) แรงบิดสูงถึง 969 นิวตันเมตร และอัตราเร่งจาก 0- 100 กม. ในเวลา 4.9 วินาที โดยทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อจะส่งกำลังด้วยชุเเกียร์ DHT 3 สปีด
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ C-DM Super Hybrid Battery (M3P) ขนาด 34.46 kWh โดยในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียววิ่งไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกล 210 กม. ส่วนในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะวิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ระยะทาง 200 กม.(CLTC) และวิ่งครอบคลุมระยะทางมากกว่า 2,100 กม. เมื่อน้ำมัน + แบตเตอรี่ชาร์จเต็ม ซึ่งถือว่าไกลเป็นสถิติโลกกินเนสส์ สำหรับรถ SUV ที่ขับเคลื่อนโดยระบบปลั๊กอินไฮบริด โดยทำระยะทางได้ 2,169.641 กม.
นอกจากนี้ Chery Fulwin T10 ยังรองรับการชาร์จไฟ DC ที่จะให้กำลังไฟจาก 30% – 80% ในเวลาเพียง 18 นาที และรองรับการชาร์จไฟแบบ AC ที่ชาร์จไฟเต็มในเวลา 5.5 ชม.
Chery Fulwin T10 จะมีวางจำหน่ายเฉพาะในจีนโดยมีให้เลือก 3 รุ่นได้แก่
- 210 Premium Edition (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ราคา 189,900 หยวน 9.39 แสนบาท
- 210 Luxury Edition (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ราคา 199,900 หยวน หรือประมาณ 9.89 แสนบาท
- 200 4WD Flagship Edition ราคา 229,900 หยวน หรือประมาณ 1.13 ล้านบาท