in , ,

รีวิว Subaru XV EyeSight เหนือชั้นกว่าใครด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ปลอดภัยสุดๆ กับระบบ EyeSight ใหม่

เข้าใจว่า Subaru ไม่ใช่รถในกระแส แต่อยากจะบอกว่าหลังจากที่ได้ลองมาแล้ว เนี่ยแหละของดีที่คนไทยมองข้าม และยังไม่เปิดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาของ The New Subaru XV EyeSight ซึ่งเป็นรถ Crossover ที่ครบเครื่องมากที่สุด ทั้งในด้านสมรรถนะ และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ

สำหรับ Subaru XV EyeSight นั้น ถูกนำมาโชว์ตัวครั้งแรกที่งาน Motor Expo 2021 ก่อนจะประกาศราคาจำหน่ายในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีราคาจำหน่ายที่ 1.299 ล้านบาท และมีเวอร์ชั่นสวมชุดแต่ง GT ให้เลือกในราคา 1.389 ล้านบาท

ซึ่งอาจจะฟังดูแพงไปสักหน่อยสำหรับรถในกลุ่มนี้ แต่หลังจากที่ได้ลองมาแล้ว ต้องบอกว่าราคานี้แหละสมเหตุสมผล ได้อะไรที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดมามากมายเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องสมรรถนะการขับขี่ เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า The New Subaru XV EyeSight นั้น มีการปรับเปลี่ยน และเพิ่มเติมอะไรจากโฉมเก่าบ้าง?

โดยจุดขายของ Subaru XV EyeSight นั้น แบ่งออกเป็น 4 เทคโนโลยีหลัก อันได้แก่

  • เครื่องยนต์สูบนอน Boxer อันเลื่องชื่อ
  • ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive
  • โครงสร้างตัวถัง Subaru Global Platform
  • เทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight (ที่สามารถช่วยลดอุบัติเหตุลงถึง 61% จากการวิจัย)

ดีไซน์ภายนอกใหม่ ปรับลุคให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น

  • กระจังหน้ารูปทรงใหม่
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่
  • กระจกมองข้างปรับมุมอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
  • ไฟหน้าระบบ LED ปรับระดับอัตโนมัติ

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องโดยสารใหม่

  • เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันจดจำตำแหน่งเบาะ
  • กล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา
  • หน้าจอมัลติฟังก์ชันดิสเพลย์ขนาด 6.3 นิ้ว

เทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาเสริมความปลอดภัยใน Subaru XV EyeSight ได้แก่

เทคโนโลยี EyeSight ระบบดวงตาอัจฉริยะเสริมความปลอดภัยด้วยฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ถึง 6 ฟังก์ชัน ได้แก่

  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบแปรผันความเร็วอัตโนมัติ (จนถึงจุดหยุดนิ่ง)
  • ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ (ป้องกันการชนด้านหน้าจากการเหยียบคันเร่งขณะอยู่ในเกียร์ D)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่
  • ระบบเตือนเมื่อรถส่ายไปมา

Dual X-MODE ที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมฟังก์ชัน Snow/Dirt และ Deep Snow/Mud เพิ่มความมั่นใจในการผจญภัยบนเส้นทางที่ท้าทายโดยเฉพาะพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือทางลาดชัน

SI-Drive มอบรูปแบบการขับขี่ที่หลากหลาย โหมด “Sport” ปรับอัตราเร่งดั่งใจ ให้การตอบสนองดียิ่งขึ้น และโหมด “Intelligent” เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น

Auto Vehicle Hold (AVH) ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง

ส่วนขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์สูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 196 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT 7 สปีด ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive

โดยมอบอัตราเร่ง 0-100 ใน 10.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 194 กม./ชม. โดยมีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลง 13.6 กม./ลิตร

ซึ่งหากดูจากสเปคของสมรรถนะแล้ว ก็ต้องบอกว่ามีความใกล้เคียงกับ Mazda CX-3 แต่ Subaru XV จะได้เปรียบตรงที่การติดตั้งเครื่องยนต์แบบสูบนอน ซึ่งทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด รวมไปถึงเป็นรุ่นเดียวในคลาสนี้ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ในเรื่องของอัตราเร่ง หลังจากที่ได้ลองสัมผัสก็ต้องบอกว่าไม่ได้แรงจนหวือหวา อยู่ในเกณฑ์ที่ขับง่าย จังหวะเร่งแซงก็ทำได้เฉียบขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเลือกใช้ฟีเจอร์ SI-Drive ที่เปลี่ยนเป็นโหมด Sport อัตราเร่งก็จะกระฉับกระเฉงขึ้น ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน The New Subaru XV EyeSight

แต่จุดที่ Subaru XV EyeSight โดดเด่น และทำได้ดีกว่าคู่แข่งในตลาดเลยก็คือ ฟิลลิ่งของช่วงล่าง และการยึดเกาะถนน แน่นอนว่าเกิดจากความได้เปรียบจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีการถ่ายเทกำลังของล้อทั้ง 4 ให้อัตโนมัติอย่างชาญฉลาด รวมไปถึงการออกแบบให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำทำให้ผู้ขับเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ อาการโยน หรือโคลงเคลงจึงรู้สึกได้น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ ในตลาด แถมยังมอบสมรรถนะการขับขี่ในทางลุยที่ไปได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ ในตลาดอีกด้วย

และถ้าเจาะลึกลงไปในระบบช่วงล่าง ทาง Subaru ระบุว่า XV EyeSight นั้น มีการปรับเซ็ทค่า K ของสปริงใหม่ ให้มีความนุ่มนวล และเฟิร์มมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจากที่ได้ลองก็ต้องบอกว่ามันให้ความรู้สึกที่กระชับในทางโค้ง และนุ่มนวลนั่งสบายในทางดินจริงๆ

บทสรุป

หากคุณเป็นคนที่ชอบรถที่มี Performance ขับดี เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้จริง The New Subaru XV EyeSight ถือเป็นรถที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน เพียงแต่อาจจะต้องแลกมาด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่น้อยกว่า และราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่ารุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าคุ้ม และเป็น Crossover ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีจริงๆ