in , , ,

Ford Ranger XLS กระบะสุดคุ้มคู่ใจเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ กับราคาเริ่ม 7.94 แสนบาท

Ford Ranger XLS รถกระบะยกสูงเกียร์อัตโนมัติ คู่ใจเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ มีให้เลือกทั้งรุ่น 4 ประตู และแบบตอนครึ่ง กับราคาเริ่ม 7.94 แสนบาท

Ford Next-Gen Ranger XLS

ฟอร์ด ประเทศไทย เพิ่มตัวเลือกสำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ ที่ต้องการรถคู่ใจ สำหรับใช้งานในเชิงธุรกิจ รวมทั้งยังสามารถใช้งานขับขี่ในชีวิติประจำวัน ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เจเนอเรชันใหม่ รุ่น XLS ที่มีให้เลือกทั้งแบบรถกระบตอนครึ่ง และแบบ 4 ประตู กับราคาจำหน่ายเริ่มที่ 7.94 แสนบาท

Ford Next-Gen Ranger XLS

Ford Next-Gen Ranger XLS เป็นรถกระบะยกสูงเกียร์อัตโนมัติ ที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบอเนกประสงค์สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเจ้าของธุรกิจทุกขนาด ในราคาที่คุ้มค่า ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย ระบบความปลอดภัยครบครัน อัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมเป็นรถยนต์คู่ใจที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย

Ford Next-Gen Ranger XLS

Ford Next-Gen Ranger XLS

มาพร้อมตัวเลือกทั้งแบบ 4 ประตู และแบบตอนครึ่ง ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเพิ่มคุณสมบัติด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อัดแน่นเต็มคันเพื่อตอบโจทย์การเป็นรถกระบะเพื่อการทำงานอย่างตรงจุด อาทิ

Ford Next-Gen Ranger XLS

ด้านตัวรถมาพร้อมกับชุดไฟหน้าแบบ LED Multi Reflector พร้อม DRL ที่เป็นแบบ LED รูC-Clamp มอบแสงสว่างที่คมชัดและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ทั้งตอนกลางวันและยามค่ำคืนให้ดียิ่งขึ้น 

Ford Next-Gen Ranger XLS

เสริมความสะดวกสาบย และการใช้งานด้วยบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย ทำให้การยกหรือขนสินค้าขึ้นลงจากด้านข้างกระบะท้ายเป็นเรื่องสบาย พร้อมปกป้องความปลอดภัยของทุกคนขณะขึ้นลงข้างกระบะท้ายอย่างเหนือระดับ

Ford Next-Gen Ranger XLS

ขณะที่กระบะท้ายออกแบบให้กว้างขึ้น ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น ทำให้ตัวรถมีพื้นที่กระบะท้ายกว้างขึ้น กระบะท้ายจึงบรรทุกสัมภาระได้มากกว่าเคย สามารถวางพาเลทขนาดมาตรฐานได้พอดี ทั้งยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมายที่ช่วยในการจัดวางสัมภาระและสิ่งของต่าง ๆ

Ford Next-Gen Ranger XLS

นอกจากนั้นยังสามรถปรับเปลี่ยนกระบะท้ายเป็นพื้นที่ทำงาน โดยบริเวณฝาท้ายยังมีจุดยึดอุปกรณ์ช่าง 2 จุด ช่วยยึดไม้และวัสดุงานช่างอื่น ๆ ให้มั่นคง พร้อมไม้บรรทัดวัดขนาดแบบบิลท์อิน ช่วยให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น

Ford Next-Gen Ranger XLS

ส่วนภายในห้องโดยสารยังคงมากับความสะดวกสบาย และออปชั่นที่ทัยสมัยอาทิ หน้าจอทัชสกรีน ขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมระบบ SYNC®4A และรองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง และการเชื่อมต่อกับระบบ Cloud ส่วนหน้าจอหน้าปัดจะเป็นแบบสีขนาด 8 นิ้ว นอกจากนั้นยังได้รับรช่องต่อ USB 2 จุด พร้อม ช่องต่อไฟ 12V จำนวน 2 ช่อง เครื่องดเสียงพร้อมลำโพง  6 ตำแหน่ง และสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่บนพวงมาลัย 

Ford Next-Gen Ranger XLS

นอกจากนั้นในส่วนพวงมาลัยยังเป็นแบบไฟฟ้าที่จะช่วยผ่อนแรง และเพิ่มการควบคุมที่แม่นยำในการขับขี่ มอบความสะดวกสบายในการเดินทาง หมดปัญหาพวงมาลัยหนัก หักเลี้ยวรถยาก หรืออันตรายขณะขับขี่ไปทำงานทั้งทางใกล้และไกลในเส้นทางปกติและออฟโรด

Ford Next-Gen Ranger XLS

ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือกการขับขี่มาพร้อมกับกล้องมองหลังขณะถอยจอด เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยจอดแบบเข้าซองได้อย่างปลอดภัย, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (รุ่นตอนครึ่ง), ถุงลมนิรภัย 6 จุด (รุ่น 4 ประตู), ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน เป็นต้น 

Ford Next-Gen Ranger XLS

นอกจากนั้นยังมีนวัตกรรมบริการแบบ Always-On ที่มอบความสะดวกสบายให้แก่เจ้าของรถในการนัดหมายบริการแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass TM) เชื่อมโยงเจ้าของรถเข้ากับฟีเจอร์ และฟังก์ชันที่ก้าวล้ำในรถ 

Ford Next-Gen Ranger XLS

ในด้านพละกำลัง Ford Next-Gen Ranger XLS จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร มาพร้อมดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน ที่อยู่ด้านในล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่รัดด้วยยางขนาด 255/70 R17

Ford Next-Gen Ranger XLS

Ford Next-Gen Ranger XLS

สำหรับ Ford Next-Gen Ranger XLS จะมีเฉดสีตัวรถให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ สีเงิน Aluminium Metallic, สีขาว Arctic White, สีเทา Meteor Grey, สีดำ Absolute Black และสีน้ำเงิน Blue Lightning 

Ford Next-Gen Ranger XLS

Ford Next-Gen Ranger XLS

ด้านราคาจำหน่ายของ Ford Next-Gen Ranger XLS ในรุ่นกระบะตอนครึ่งจะมีราคาอยู่ที่ 794,000 บาท ส่วนในรุ่นกระบะแบบ 4 ประตู จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 879,000 บาท