หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง ฟอร์ด ได้ประกาศเสริมทัพรถกระบะอย่างเป็นทางการ ด้วยการเผยโฉม Ford Ranger Super Duty (ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้) ครั้งแรกของโลก ในงานฉลองครบรอบ 100 ปี
ล่าสุดทาง Ford ในประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดราคาจำหน่าย Ford Ranger Super Duty รถกระบะสายอึด ตัวลุยใหม่ ออกมาแล้ว โดยในรุ่นตัวถังแบบ Single Cab จะมีราคาเริ่มต้นที่ 82,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.79 ล้านบาท ส่วนในรุ่น Open Cab จะมีราคาเริ่มต้นที่ 86,490 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว ๆ 1.83 ล้านบาท ขณะที่ในรุ่นดับเบิลแค็บเปิดราคาไว้ที่ 89,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว ๆ 1.91 ล้านบาท ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าในรุ่น Ford Ranger Raptor รุ่นที่วางจำหน่ายในออสเตรเลียเพียง 450 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 9 พันกว่าบาทเท่านั้น
สำหรับ Ford Ranger Super Duty จะเข้ามาเป็นรถกระบะรุ่นย่อยใหม่ของทางแบรนด์ โดยนับเป็นครั้งแรกที่ทาง Ford ได้นำชื่อ Super Duty (ซูเปอร์ ดิวตี้) มาใช้กับรถกระบะนอกเหนือจากตระกูล F-Series อันโด่งดังในสหรัฐอเมริกา
โดยตัวรถได้รับการพัฒนาขึ้นจากการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอย่างรอบด้าน ในหลาย ๆ ประเทศ พร้อมนำความคิดเห็นต่าง ๆ มาเติมเต็มบนตัวกระบะรุ่นใหม่คันนี้
ในด้านงานดีไซน์ มาพร้อมสมรรถนะที่โดดเด่นจากโรงงาน ทั้งความสามารถในการลากจูง และบรรทุกที่เหนือชั้น ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักเดินทางสายลุย ที่ต้องการรถที่มีสมรรถนะสูง รวมถึงผู้ประกอบการหรือลูกค้าองค์กรที่ต้องการรถสำหรับภารกิจหนัก ซึ่งรถกระบะทั่วไปอาจไม่สามารถรองรับได้
ขณะที่งานออกแบบตัวรถ ด้านหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าสีดำปรับเปลี่ยนดีเทลด้านใน มีความให้แตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน โดยจะดูดุดันมาขึ้นด้วยชิ้นงานที่เป็นสีดำทั้งหมด มาพร้อมตัวกันหน้าใหม่ที่ดูใหญ่ และบึกบึนขึ้น พร้อมติดกล้องไว้ที่ตรงกลางตัวกัรชนหน้า นอกจากนั้นยังเปลี่ยนในส่วนตัวโคมชุดไฟตัดหมอกให้มีขนาดใหญ่ และดูยาวกว่ารุ่นปกติ
ส่วนชุดไฟหน้ายังคงมาในรูปทรงตัว C เช่นเดิม นอกจากนั้นที่ยังมาพร้อมกับฝากระโปรงหน้าที่อออกแบบใหม่ ให้มีมิติ และเหลี่ยมมุมที่ดูน่าเกรมขาม อีกทั้งยังได้ปั้มชื่อรุ่น SUPER DUTY ไว้เกือบเต็มความกว้าง
เส้นสายด้านข้างก้ดีไซน์ใหม่ เริ่มจากติดตั้งขอบซุ่มล้อทรงเหลี่ยมสีดำขนาดใหญ่ที่ช่วยเสริมให้ตัวรถดูมีมัดกล้ามที่ใหญ่โต สอดรับเข้าชุดกับล้ออัลลอยลสยเฉพาะรุ่นที่ส่งตรงออกมาจากโรงงานขนาด 18 นิ้ว รัดดด้วยยาง AT จาก General Grabber 275/70 R18
เสริมมาดออฟโรคเต็มรูปแบบด้วยบันไดข้างสีดำ มาพร้อมกระจกมองข้างสีดำที่ปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น อีกทั้งในส่วนมือเปิดประตูก็มาในลุคสีดำทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งสนอร์เกิ้ล ที่ไว้ช่วยในยามลุยน้ำลึก
ส่วนด้านท้ายยังคงมากับชุดไฟท้าย LED ที่ด้านในออกแบบให้เป็นรูปตัว C วางซ้อนกัน ขญะที่ตัวกระบะท้ายปูด้วยแม็กลายเนอร์สีดำ โดยมีตรา FORD ไว้ตรงกลาง
ภายในห้องโดยสาร มาในโทนสีดำ แผงคอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอพร้อมมาตรวัดสีขนาด 8 นิ้วหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 12 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC4A® รุ่นล่าสุด พร้อม FordPass Connect พร้อมรองรับเชื่อมต่อ Apple Car Play ไร้สาย Android Auto นอกจากนั้นที่คอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารยังเพิ่มความพิเศษด้วยการปั้มชื่อรุ่น SUPER DUTY
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Ford Ranger Super Duty จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร Turbocharged ให้กำลังสูงสุด 154 kW (206 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time 4A พร้อมระบบ Active Centre Differential และระบบล็อกเฟืองท้าย Dift Lock ที่ล้อคู่หลัง
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังมากับ AdBlue ที่มีระบบระบายความร้อนที่อัปเกรดแล้ว ซึ่งรับประกันว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่น Ranger 3.0 ลิตรที่มีอยู่ถึง 25%
อีกทั้งทางฟอร์ดยังเผยว่า Ranger Super Duty นั้นจะมีขีดความสามารถในการลากจูงเท่ากับ F-150 ที่มีพละกำลังในการลากจูงสูงถึง 4,500 กก. นอกจากนี้แชสซีส์แบบแค็บเดี่ยวยังมีขีดความสามารถในการบรรทุกสูงสุด 1,982 กก. ซึ่งมากกว่า F-150 ขณะที่ขีดความสามารถในการบรรทุกของแค็บซูเปอร์ และดับเบิลแค็บจะอยู่ที่ 1,896 กก. และ 1,825 กก. ตามลำดับ
นอกเหนือจากความสามารถในการลากจูง และบรรทุกสัมภาระที่หนักหน่วงแล้ว Ranger Super Duty ยังยกระดับการขับขี่แบบออฟโรดด้วยการปรับปรุงที่สำคัญหลายประการ โดยมีระยะห่างจากพื้น 299 มม.นอกจากนั้นยังมีระยะห่างระหว่างจุดกึ่งกลางของล้อซ้าย และล้อขวา หรือ Track Width อยู่ที่ 1,710 มม. อีกทั้งยังสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 850 มม.
สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ จะผลิตขึ้นที่โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ โรงงานเอเอที ซึ่งนอกเหนือจะมีวางจำหน่ายในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์แล้ว ยังจะเริ่มจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงต้นปี 2569
ทั้งนี้สำหรับรายละเอียด และข้อมูลจำเพาะสำหรับตลาดประเทศไทย จะมีการประกาศในช่วงใกล้การเปิดตัวอีกครั้ง ซึ่งหากมีข้อมูล และรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมออกมา ทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง