Foton บุกตลาดรถกระบะในออสเตรเลียอีกครั้งหลังจากหายไปนานถึง 6 ปี ด้วยการเปิดตัว Foton Tunland รุ่นปี 2025 กระบะขนาดใหญ่แบบดับเบิ้ล 4 ประตู ที่มากับตัวถังขนาดใหญ่กว่า Ranger เพิ่มเติมความโหดด้วยรูปลักษณ์หน้าที่ในสไตล์อเมริกันพันธุ๋ดุ ที่มีให้เลือก 2 รูปแบบ 2 สไตล์ มี 4 รุ่นรุ่นย่อย แบ่งเป็นรหัส V9 ที่มากับระบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD และรหัส V7 ที่มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ AWD โดยไม่ว่าจะเป็นรหัสแบบไหนจะมากับขุมพลังดีเซล Mild Hybrid 48V ที่ให้กำลัง 163 แรงม้า

สำหรับ Foton Tunland 2025 ในตลาดออสเตรเลียจะมีให้เลือก 2 รหัส ได้แก่ V7 และ V9 โดยแต่ละรหัสก็จะมีดีไซน์ด้านหน้าของตัวรถที่แตกต่างกันไป

เริ่มจาก Tunland V7 จะมาในสไตล์ทรงดุดัน กับกระจังทรงสี่เหลี่ยมสีดำขนาดใหญ่ ด้านในจะเป็นทรงสีเหลี่ยม โดยมีแถบสีดำเงาคาดไว้ 2 เส้นด้านใน และที่ชิ้นเงาโครเมียมวางอยู่ด้านบน พร้อมขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าทรงตัว T ขนาดใหญ่ ส่วนตัวกันชนหน้าเป็นชิ้นงานพลาสติกขึ้นรูปสีดำ มาพร้อมำฟตัดหมอกที่ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง

ส่วนในตัวรหัส V9 จะมากับความพรีเมียม กระจังมีขนาดเล็กกว่า V7 โดยเป็นทรงตัว U คว่ำ ด้านในเป็นตะแกรงทรงรังผึ้งสีดำ พร้อมตกแต่งด้วยแถบชิ้นงานโครเมียมที่าอยุ่ด้านบนเหมือนกับตัว V7 ขณะที่นส่วนของชุดไฟหน้าจะมานทรงสีเหลี่ยมผืนผ้า ที่มีการตกแต่งด้วยชิ้นงานโครเมียมที่ด้านล่าง ซึ่งต่อเชื่อมยาววางอยู่ด้านล่างของตัวกระจังหน้า ส่วนตัวกันชนหน้าจะเป้นสีเดียวกันกับตัวรถ


ด้านเส้นสายด้านข้างตัวถังของทั้ง 2 แบบนั้นจะเหมือนกัน โป่งซุ้มล้อจะเป็นชิ้นงานสีดำที่มาในแบบหมุดเย็บ สปอร์ตบาร์ที่ตัวกระบะท้าย

โดยในรุ่นรหัส V9 จะเพิ่มบันไดข้างเข้ามา และตราสัญลักษณ์ 4×4 ที่ส่วนท้ายรถ ด้่สนชุดล้อจะในขาด 18 นิ้ว โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมยาง All-Terrain ส่วนในรุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมกับยางออนโรด

ในด้านขนาดมิติตัวถังของ Foton Tunland 2025 ในรุ่นรหัส V7 จะมีความกว้างจะอยู่ที่ 2,000 มม. สูง 1,910 มม. ส่วนในรุ่นรหัส V9 จะมีความกว้าง 2,090 มม. สูง 1,955 มม.

ส่วนความยาวตัวถัง และระยะฐานล้อทั้ง 2 รุ่น จะเท่ากันโดยมีความยาวอยู่ที่ 5, 617 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,355 มม. และมีความสูงจากพิ้นที่เท่ากัน 240 มม.

ภายในห้องโดยสารของ Foton Tunland รุ่นปี 2025 จะมีออปชั่นแตกต่างกันไปทั้ง 2 รุ่นรหัส แต่ในส่วนแอผงแดชบอร์ดจะเหมือนกันโดยจะมากับมาตรวัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว


โดยในรุ่น V9 จะเพิ่มกระจกมองข้างปรับความร้อนและพับไฟฟ้า, เบาะนั่งด้านหน้าปรับอุ่น, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง, เบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง, ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ 2 โซน, ระบบเสียง 6 ลำโพง, ช่องต่อ USB-A ด้านหลัง 2 ช่อง, เต้ารับไฟฟ้า 220V/300W, กระจกมองหลังลดแสงอัตโนมัติ, ซันรูฟแบบพาโนรามา

สำหรับระบบความปลอภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ในทุกรุ่ยนจะได้รับ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบการตรวจจับคนเดินถนนและนักปั่นจักรยาน, ระบบตรวจสอบจุดบอด, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยใหเ้รถอยู่กึ่งกลางเลน, ระบบเตือนการจราจรข้ามด้านหลัง, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, เซ็นเซอร์จอดรถด้านหน้าและด้านหลัง, ระบบจดจำป้ายจราจร โดยในรุ่น V9 S 4×4 จะเพิ่มระบบตรวจสอบผู้ขับขี่มาไว้ให้ด้วย

สำหรับขุมพลังขับเคลื่อนของ Foton Tunland MY2025 จะมีแบบเดียวโดยจะมากับเครื่องยนต์ดีเซลที่พัฒนาร่วมกับ Cummins ขนาด 2.0 ลิตรเทอร์โบ 4 สูบ พ่วงระบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ ให้กำลังรวมสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF

โดยในรุ่น V7 จะมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อคู่หลัง หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วน V9 ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนลี่ล้อ

ด้านระบบช่วงล่างของ Foton Tunland ในตัว V7 ช่วงล่วงหลังจะเป็นแหนบ แต่ V9 จะเปลี่ยนไปใช้คอยล์สปริง




ส่วนเฉดสีตัวถังของ Foton Tunland 2025 ที่มีวางจำหน่ายในตลาดออสซี่จะมีให้เลือกมากถึง 8 สี ได้แก้สีเขียว AURORA GREEN, สีน้ำเงินฟ้า DIAMOND BLUE, สีแดง FIRE RED, สีขาว FLARE WHITE, สีบรอนซ์เงิน GALAXY SILVER, สีม่วง LIGHTNING PURPLE, สีดำ PHANTOM BLACK และสีเทา TITANIUM GREY




Foton Tunland 2025 ในออสเตรเลีย จะมีให้เลือก 4 รุ่น โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้
- Foton Tunland V7-C 4×2 ราคา 39,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 8.42 แสนบาท
- Foton Tunland V7-C 4×4 ราคา 42,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 9.06 แสนบาท
- Foton Tunland V9-L 4×4 ราคา 45,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 9.69 แสนบาท
- Foton Tunland V9-S 4×4 ราคา 49,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ประมาณ 1.05 ล้านบาท
โดยจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าชาวออสซี่ได้ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
