Geely แบรนด์รถรายใหญ่จากประเทศจีน ประกาศเปิดราคาจำหน่าย Galaxy Starshine 8 PHEV รถยนต์ในรูปแบบตัวถังซีดาน ที่มาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด โดยมีให้เลือก 7 รุ่นย้อย มากับระบบขับเคลื่อน PHEV NordThor เจเนอเรชันใหม่ของทางจิลี่ ที่มีทั้งแบบ Thor EM-P หรือ Thor EM-i โดยวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 60 / 130 กม. (CLTC) และวิ่งครอบคลุมระยะทางไกล 1,500 กม. และ 1,600 กม. (CLTC) มาพร้อมระบบ G-Pilot เปิดราคาจำหน่ายไว้ดังนี้
- Geely Galaxy Starshine 8 EM-i Luxury Edition 60km ราคา 115,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.29 แสนบาท
- Geely Galaxy Starshine 8 EM-i Deluxe 60km ราคา 121,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.57 แสนบาท
- Geely Galaxy Starshine 8 EM-i Premium Edition 130km ราคา 125,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.75 แสนบาท
- Geely Galaxy Starshine 8 EM-i Premium Edition 130km ราคา 131,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.02 แสนบาท
- Geely Galaxy Starshine 8 EM-i Ultimate 130km ราคา 140,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.44 แสนบาท
- Geely Galaxy Starshine 8 130km EM-P Explorer Edition 130km ราคา 144,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.62 แสนบาท
- Geely Galaxy Starshine 8 EM-P Starship Edition 130km ราคา 155,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 7.12 แสนบาท
ในด้านงานดีไซน์มาในรูปแบบตัวถังซีดานท้ายลาด งานออกแบบเน้นความทันสมัย ตาามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยกระจังหน้าแบบปิดทึบ มีช่องดักอากาศอยู่ที่ชายล่าง
ด้านชุดไฟเป็นแบบแยกส่วน โดยไฟ LED DRL จะเป็นแถบเรียวยาวคล้ายมูมเบอแรงอยูด้านบน ส่วนชุดไฟหลักจะอยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยมคางหมูวางอยู่ด้านล่างถัดลงมา โดยจะวางบนแถบโครเมียมที่เป็นรูปทรงตัว T ตะแคง
เส้นสายด้านข้างตัวรถจะมาในแบบเรียบหรู มือเปิดประตูเป็นแบบซ่อนที่ราบไปกับตัวบอดี้รถ มาพร้อมกระจกข้างแบบไร้กรอบขณะที่ชุดล้อมาในแบบปัดเงาทูโทนขนาด 19 นิ้ว
ด้านท้ายมากับหลังคาที่ลาดท้าย กระจกบายนหลังขนาดใหญ่ ชุดท้าย LED ที่เป็นแถบเรียวยาววางพาดเต็มพื้นที่ โดยมีเพียงชื่อแบรนด์ G E E L Y คั้นไว้ตรงกลาง
โดยทางผู้ผลิตเผยว่าด้วยดีไซน์ตัวรถที่ออกแบบให้ลดแรงต้านอากาศในทถกสัดส่วนจะช่วยทำให้ตัวรถนั้น มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่เพียง 0.25Cd
ในด้านมิติตัวรถของ Geely Galaxy Starshine 8 EM จะมีขนาดความยาว 5,018 มม. กว้าง 1,918 มม. สูง 1,480 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,928 มม. โดยมีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,760 / 1,860 และ 1,908 กก. (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย)
ภายในห้องโดยสารมากับความเรียบง่าย ตามแบบฉบับรถยนต์รุ่นใหม่ มีเฉดสีภายในให้เลือก 2 โทนสีได้แก่สีดำ Obsidian และ สีน้ำตาล Sandalwood Brown
ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะได้รับการติตดั้งแผงหน้าปัด LCD ขนาด 10.2 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสองก้านแบบท้ายตัด ตรงกลางคอนโซลหน้าจะเป็นหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15.4 นิ้ว มาพร้อมระบบ Flyme Auto ขับเคลื่อนด้วยชิป Dragon Eagle-1 7nm ที่ทาง Geely พัฒนาขึ้นเอง ที่รองรับสั่งงานด้วยเสียง AI ของทาง DeepSeek รวมทั้งยังยังมาพร้อมการการอัปเดทแบบ OTA อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอ AR-HUD ขนาด 25.6 นิ้ว
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้้รับ ระบบเครื่องเสียง Flyme Sound พร้อมลำโพง 23 ตำแหน่ง รวมถึงลำโพงสำหรับวางศีรษะ 2 ตัว, ชุดไฟ Ambient Light 256 สี, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังชาร์จ 50W ที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง นอกจากนั้นยังมากับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคมีขนาดใหญ่ถึง 1.36 ตร.ม.
ขณะที่ตัวเบาะที่นั่งคู่หน้ามาพร้อมระบายอากาศ / ทำความร้อน และฟังก์ชันนวด ตัวเบาะสามรถปรับเอนราบได้มากถึง 180 องศา ทำให้ต่อเชื่อมกับเบาะด้านหลังได้อย่างราบเรียบ จนกลายโดยเป็นที่นอนขนาดใหญ่
ส่วนเบาะที่นั่งด้านหลังเป็นแบบ Executive โดยตัวเบาะรองนั่งจะมีความยาวถึง 536 มม. พร้อมปรับเลื่อนได้ 100 มม. อีกทั้งยังปรับเอนได้สูงุสด 131°
นอกจากนี้ทาง Geely ยังเผยว่า Galaxy Starshine 8 EM จะมีช่องเก็บของทั่วห้องโดยสารมากถึง 30 ช่อง รวมทั้งมีพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถที่มาความจุมากถึง 405 ลิตร สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วได้ 5 ใบ
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ใน 2 รุ่นเริ่มต้นจะมากับเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 2 ตัว เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 5 ตัว
ส่วนในรุ่นท็อป 5 รุ่นที่เหลือ จะมากับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง G-Pilot ที่ได้รับการติดตั้ง LiDAR 126-line ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาด้านหน้า มาพร้อมเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 10 ตัว ซึ่งจะรองรับระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะพเป้นราะบบช่วยจอด, ระบบช่วยหลบหลีกด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้วยความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม.
ในด้านระบบขับเคลื่อนจะมากับระบบ NordThor โดยจะมีทั้งแบบ EM-i และ EM-P (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) โดยถ้าเป็นในแบบ EM-P จะเป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ 1.5T ที่มีกำลังสูงสุด 120 kW (161 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 160 kW (215 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ส่งผลทำให้มีพละกำลังรวมที่มากถึง 280 kW (375 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 605 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ DHT 3 สปีด ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในวลา 6.49 วินาที.จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตขนาดความจุ 18.4 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกล 130 กม. (CLTC) และวิ่งระยะทางครอบคลุมไกลถึง 1,500 กม.
ส่วนในรูปแบบ EM-i นั้นจะมากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 82 kW (110 แรงม้า) แรงบิด 136 นิวตันเมตร มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยุ่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 175 kW (211 แรงม้า) แรงบิด 262 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้สนชุดเกียร์ E-DHT ให้อัตราเร่งจาก 0 -100 กม./ ชม. 8.4 วินาที (ระดับเริ่มต้น) หรือ 7.9 วินาที
โดยมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตให้เลือก 2 ขนาดความจุ 8.5 kWh (รุ่นเริ่มต้น) หรือ 18.4kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนให้ระยะทาง 60 กม. และ 130 กม. (CLTC) ตามลำดับ และวิ่งระยะทางวิ่งครอบคลุมไกลถึง 1,600 กม.
Geely Galaxy Starshine 8 EM ที่วางจำหน่ายในจีนจะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 6 สีได้แก่ สีน้ำเงิน Lapis Lazuli, สีเขียว Green mountains and rivers, สีดำ Jianzhan Black, สีเทารมดำ National black gray, สีบรอนซ์เงิน Silver และสีขาว The sky is white
สำหรับ Geely Galaxy Starshine 8 จะมีทำตลาดเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น
