เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้นำ GWM Tank 700 HI4-T (เกรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 700 เอชไอ 4-ที) รถยนต์เอสยูวีออฟโรดรุ่นเรือธง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังพลังปลั๊กอินไฮบริด บินตรงจากประเทศจีนมาให้ชาวไทยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกที่ในงาน Thailand International Motor Expo 2024
สำหรับ GWM TANK 700 Hi4-T เป็นรถเอสยูวีรุ่นใหม่ที่อยู่ในแบรนด์ TANK ได้รับการออกแบบมาอย่างครบเครื่อง ทั้งสมรรถนะการขับขี่ การออกแบบภายใน-ภายนอกที่เปรียบเสมือนงานศิลปะชิ้นเอก และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงที่เทียบเท่ากับรถยนต์หรู รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ของ GWM TANK 700 Hi4-T จะมาในลักษณะรูปทรงกล่อง ที่แฝงไปด้วยความบึกบึนตามสไตล์รถออฟโรดสายลุย กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมตีตราโลโก้ TANK ไว้บนกระจังหน้า
ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม โดยทางผู้ผลิตเผยว่าเรียกว่า “ดวงตาแห่งภูเขาโบรโม” ที่เป็นแบบใบพัดหมุนดีไซน์แรกของโลก ที่ประกอบด้วย LED กว่า 260 เม็ดที่ส่องสว่างราวกับเปลวไฟนับไม่ถ้วนที่พวยพุ่งออกมาจากฐานภูเขาไฟ ผสมผสานสุนทรียศาสตร์เชิงกลเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยไฟสูงยังมีโมดูลเลเซอร์เพื่อเพิ่มระยะส่องสว่างโดยไม่สร้างแสงสะท้อน ผสมผสานความงามและประสิทธิภาพได้อย่างลงตัว
มาพร้อมกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ ขณะที่บนฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศ นอกจากนั้นยังมากับเหล็กกันโคลงแบบปลดการเชื่อมต่อได้ด้วยระบบไฟฟ้า ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเชื่อมต่อหรือถอดเหล็กกันโคลงได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียวภายในห้องโดยสาร เพื่อแยกหรือเชื่อมโยงล้อซ้ายและขวา ตามความต้องการในการใช้งานสำหรับการขับขี่ทุกสถานการณ์ เป็นการปรับแต่งเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ ขณะขับขี่ในเมืองจะเพิ่มความมั่นคงและความสบายบนถนนเรียบ ขณะขับขี่แบบออฟโรดสามารถปลดการเชื่อมต่อเพื่อให้ช่วงล่างมีระยะยืดหยุ่นเต็มที่ ให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่นแม้มีเพียงล้อเดียวสัมผัสพื้น ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับผู้ขับขี่
ในส่วนด้านข้างของตัวรถเน้นภาพลักษณ์ที่ดูดุดัน ซุ้มล้อขนาดใหญ่ทรงเหลี่ยม เสริมความโหดด้วยล้ออัลลอยสีดำขนาด 22 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 275/50 R22
ในด้านมิติขนาดตัวรถของ GWM TANK 700 Hi4-Tจะมีความยาวที่สุดในตระกูล GWM TANK โดยมีความยาวตังถังอยู่ที่ 5,110 มม. กว้าง 2,122 มม. สูง 1,986 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,000 มม. โดยมีระยะความสูงใต้ท้องรถ 282 มม. รวมถึงมีองศามุมไต่ และมุมจากอยู่ที่ 32° และ 33° ตามลำดับ นอกจากนี้ยังสามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 970 มม. และ 970 มม. ในโหมดยกตัว ซึ่งเป็นความลึกที่สุดในออฟโรดหรูระดับเดียวกัน
อีกทั้งยังมอบความทนทาน และความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดด้วยโครงสร้างประกอบด้วยเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงถึง 99% ได้รับการทดสอบในสถานการณ์ออฟโรดทั่วไปมากถึง 38 รูปแบบ
ภายในห้องโดยสารผนังหลังคาด้านในจะถูกตกแต่งในแบบ Starlight โดยจะเหมือนกับท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบยับ ที่ได้แรงบันดาลใจจากทะเลสาบเทคาโป โดยเพดานนี้จะจำลองความงดงามของท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวมากกว่า 1,200 จุด
อีกทั้งยังออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยการซีลสามชั้นในประตูหน้า และซีลสองชั้นในประตูหลัง เพื่อปิดกั้นเสียงจากภายนอก เพื่อให้ได้สัมผัสความเงียบระดับเดียวกับอวกาศ นอกจากนี้ยังมีระบบการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancellation) มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) จากแบรนด์ Harman Kardon ช่วยลดเสียงเครื่องยนต์ที่ความถี่ต่ำลง 5-20 เดซิเบล โดยการสร้างคลื่นต้านที่ตรงกับความถี่เสียงของเครื่องยนต์แต่มีคลื่นเฟสตรงกันข้าม
ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะมากับหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 2 จอที่ประกอบไปด้วยหน้าจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจออินโฟนเทนเมนต์ 16.2 นิ้ว ที่วางแบบลอยตัว อีกทั้งยังได้รับจอ HUD ที่สะท้อนข้อมูลต่าง ๆ ไปยังกระจกบังลมหน้า
คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อติดกับแผงคอนโซลหน้า โดยจะมีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องวางแก้ว 2 ช่องขนาดใหญ่ คันเกียร์ดีไซน์ล้ำสมัย, สวิทช์ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่
นอกจากนี้ยังจะได้รับการติดตั้งระบบเครื่องเสียง Harman Kardon มาพร้อมลำโพง 16 ตำแหน่ง และแอมพลิฟายเออร์อิสระที่มีกำลังสูงสุด 1,600 วัตต์ ใช้เทคโนโลยี Quantum Logic Surround Sound ให้เสียงที่สมบูรณ์แบบและเต็มอิ่ม พร้อมเทคโนโลยี Volume Normalization Compensation ช่วยปรับระดับเสียงตามความเร็ว สร้างประสบการณ์เสียงเสมือนอยู่ในคอนเสิร์ต
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับ ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน, ชุดไฟ Ambient Light และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง 26 ระบบ
ในส่วนเบาะที่นั่งจะมีความนุ่มดุจปุยเมฆ ถูกหุ้มด้วยหนัง Nappa โดยเบาะด้านหน้าสามารถปรับเอนได้ถึง 156° เบาะด้านหลังปรับได้ถึง 141° พร้อมที่พักศีรษะแบบปีกที่ปรับได้ 4 ทิศทาง ลดอาการเมื่อยล้าของส่วนคอ อีกทั้งยังเสิร์ฟความสบายด้วยระบบนวดไฟฟ้าประกอบด้วยจุดนวด 10 จุด มี 10 โหมด 3 ระดับความแรง ที่พักขาแบบสองทิศทาง และที่รองหลังแบบ 4 ทิศทาง
อีกทั้งยังหุ้มด้วยหนังกลับที่บริเวณเพดาน และเสาเหนือเส้นรอบเอว รวมถึงบริเวณแผงคอนโซล แผงประตู ขณะที่เสาเส้นรอบเอวล่างบุด้วยหนังไมโครไฟเบอร์ผสมหนังแท้
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด ที่จะเป็นการทำงานรวมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 354 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร โดยเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 163 และแรงบิด 400 นิวตันเมตร จะให้พละกำลังรวมที่มากถึง 523 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร แรงบิดที่ล้อสูงสุด 13,000 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9HAT ไปยังล้อทั้ง 4 ให้อัตราเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5 วินาที
มีโหมดการขับขี่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเส้นทางมากถึง 12 โหมด ได้แก่ โหมดมาตรฐานล โหมดสปอร์ต, โหมดประหยัด, โหมดอัตโนมัติ, โหมดหิมะลโหมดโคลน,โหมดทรายลโหมดหิน, โหมดลุยน้ำ, โหมดผู้เชี่ยวชาญ, โหมดขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4L) และโหมดขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4H)
มาพร้อมแบตเตอรี่แบบไตรภาค (NMC) ที่ผลิตโดย SVOLT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GWM ขนาด 37.1 kWh โดยจะวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ระยะทางไกลถึง 100 กม. (NEDC) ในด้านอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทางเกรทวอลล์มอเตอร์ เคลมไว้อยู่ที่ 2.97 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 33.67 กม.ต่อลิตร นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ลากจูงแบบไฟฟ้า สามารถลากน้ำหนักได้สูงสุดถึง 2.5 ตัน
สำหรับระบบช่วงล่างจะได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังได้อัตโนมัติ มาพร้อมช่วงล่างระบบถุงลมที่สามารถยกความสูงได้ถึง 70 มิลลิเมตร เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดในสภาพเส้นทางที่เป็นหินและการลุยน้ำ อีกทั้งยังมีช่วงการลดระดับลงสูงสุด 50 มิลลิเมตร เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกโรงจอดใต้ดิน
มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบอิสระแบบปีกคู่ (หน้าและหลัง) ช่วยให้ล้อซ้ายและขวาเคลื่อนที่อย่างอิสระ สร้างความเสถียรให้แก่ตัวรถ
รวมทั้งยังมากับโช้คอัพแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถปรับการสะเทือนอย่างชาญฉลาดแบบเรียลไทม์ได้สูงสุดถึง 100 ครั้งต่อวินาที เมื่อใช้ความเร็วสูงสปริงลมจะลดระดับลงอัตโนมัติและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองของโช้คอัพช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุม บนท้องถนนที่ขรุขระอัตราการตอบสนองยิ่งเพิ่มสูงขึ้นมอบความสบายระดับพรีเมียมให้ผู้ขับขี่
นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด อาทิระบบล็อคเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง, ระบบ TANK Turn, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road, ระบบตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) และระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent)
โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปสัมผัส ทั้ง GWM TANK 700 Hi4-T และรถรุ่นอื่น ๆ ของทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ที่ภายในงาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2567