หลังจากเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมาทาง ฮอนด้าได้เปิดเดินสายการผลิต Honda e:N1 เอสยูวีไฟฟ้า 100% ในไทย แต่ไม่มีการเปิดวางจำหน่ายแต่อย่างใด มีเพียงปล่อยให้เช่า ที่เป็นแพกเกจปล่อยเช่า 24-60 เดือน โดยมีราคาเช่าอยู่ที่ 28,800 บาท/เดือน
ล่าสุดทาง ฮอนด้า ประเทศไทย ได้ใช้เวทีในงาน Motor Show 2025 เปิดราคาจำหน่าย Honda e:N1 รถไฟฟ้า 100% โดยจะเป็นการซื้อขาดแบบปกติ โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มที่ 1,199,000 บาท สำหรับสีดำคริสตัล (มุก) ส่วนสำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) จะมีราคาจำหน่ายที่ 1,203,000 บาท
มาพร้อมโปรโมชั่น
- รับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งระบบ 8 ปี หรือ 160,000 กม.* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- ฟรี ประกันภัย 1 ปี*
- ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมบริการติดตั้ง และสายชาร์จแบบพกพา*
- ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ 140,000 กม.* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับเพิ่มแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ ตามตารางการบำรุงรักษาที่ระบุไว้ในสมุดรับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กม.* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
โดยพร้อมรับข้อเสนอเมื่อจองตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 – 7 เมษายน 2568 และรับรถตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 – 31 กรกฎาคม 2568
โดยจะรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (ส่วนลดดอกเบี้ย 0.3%) สำหรับเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าและครอบครัว (Honda Loyalty) สำหรับลูกค้าทั่วไปรับดอกเบี้ย 1.99%* พร้อมรับ
สำหรับ Honda e:N1 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้ จะเป็นสเปคที่นำเข้ามาจากประเทศจีนทั้งคัน แทนการนำเข้าชิ้นส่วน (เกือบทั้งคัน) จากจีน มาประกอบที่โรงงานฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จ.ปราจีนบุรี เหมือนกับในรุ่นปล่อยเช่าเมื่อปีที่ผ่านมา
โดย Honda e:N 1 รุ่นที่จะเปิดวางขายขาดรุ่นนี้ยังคงกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่คู่ล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. มี 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ ECON / Normal / Sport
ด้านแบตเตอรี่ยังคงเป็นแบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ขนาด 68.8 kWh ที่ชาร์จไฟจะวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 500 กม. (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จทั้งแบบ DC Charger แบบ CCS ที่ให้กำลังไฟจาก 10 – 80% ใน เวลา 40 นาที และรองรับชาร์จแบบ AC ขนาด 7 kW ที่ชาร์จไฟเต็มในเวลา 6 ชม.
สำหรับในด้านงานออกแบบดีไซน์ในเวอร์ชันที่ประกอบในโรงงานไทยนั้น ตัวรถจะมาในสไตล์เดียวกับ Honda HR-V แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดตามจุดต่างๆ ให้แตกต่างออกไป ได้แก่
- กระจังหน้าที่ถูกเปลี่ยนเป็นช่องสำหรับชาร์จไฟ
- โลโก้ H-mark สีขาวที่ด้านหน้า
- โลโก้ Honda ที่ด้านหลัง (Logo ใหม่)
- ล้ออัลลอยขนาด 18″ พร้อม Aero Cover Wheel ลดแรงเสียดทานอากาศ
- ชุดแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ พร้อมการ์ดกันกระแทก
- ชุดไฟท้าย LED Light Strip แบบเต็มความยาวของด้านท้ายรถ
ในด้านขนาดมิติตัวถังของ Honda e:N1 จะมีความยาว 4,380 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง :1,592 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,607 มม.
ภายในห้องโดยสาร มีการนำเทคโนโลยี HMI มาใช้เป็นครั้งแรก เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง พร้อม Interface ที่ใช้งานงายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางขนาด 15.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play (ไร้สาย) และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri รวมทั้งยังรองรัยการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Ove มาพร้อมหน้าจอมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว ที่วางอยุ่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ที่มาพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะมากับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย, ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา, แผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น PM 2.5, ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า (Blue Ambient Light), สวิตช์เบรกมือไฟฟ้า, ช่องปรับอากาศตอนหลัง, ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์ และระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อม ระบบ Auto Brake Hold
ด้านเบาะที่นั่งจะหุ้มด้วยหนัง หนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยขอบสีขาว และด้ายสีฟ้า เบาะที่นั่งฝั่งผู้คนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ คือ Utility Mode เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง และแบบ Long Mode เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยหลือการขับขี่จะมากับระบบ Honda SENSING อาทิระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง, ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย, ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่
นอกจากนั้นยังมากับกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (หน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด), ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่, ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ, เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้, เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง, ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS), ถุงลมด้านข้างคู่หน้า (Side Airbags), ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
นอกจากนั้นยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่น ๆ อย่างครบครัน ให้คุณมั่นใจตลอดการเดินทาง เช่น
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ( BSI)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (CTM)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด
- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย
สำหรับ Honda e:N1 เอสยูวีไฟฟ้า 100% จะมีเฉดสีให้เลือก 2 สีได้แก่สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวแพลทินัม (มุก)
