หลังจากที่ทาง Honda ในญี่ปุ่นเผยรายละเอียด และข้อมูลบางส่วนของ Honda N-VAN e: Kei-car เพื่อการพาณิชย์ไฟฟ้าออกมาเมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ล่าสุดทางบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้เปิดราคาจำหน่าย พร้อมรายละเอียดตัวรถ N-Van e: โดยจะมีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อยตามแต่ลักษณะการใช้งาน ได้แก่ e:L4, e:FUN, e:G และ e:L2 มาพร้อมการจัดวางเบาะนั่งแบบ 1 ที่นั่ง 2 ที่นั่ง และเบาะ 2 แถว 4 ที่นั่ง เคาะราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 2,439,800 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 5.6 แสนบาท
Honda N-Van e: ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ N-VAN รุ่นเครื่องยนต์สันดาป ที่มาในรูปทรงกล่อง ขนาดเล็ก ที่เหมาะสำหรับกับการวิ่งในเมืองตามถนนหนทาง ซอกซอยขนาดเล็ก
ในด้านงานดีไซน์รูปลักษณ์หน้าตาหน้าด้านจะมากับกระจังหน้าแบบปิดทึบสีดำ ที่ออกแบบใหม่ โดยมีช่องชาร์จติดตั้งอยู่ด้านข้างโลโก้ H-Mark นอกจากนั้นในส่วนกันชนหน้า และหลัง รวมทั้งกระจังหน้า และชิ้นส่วนอื่นๆ รอบคัน จะถูกผลิตจากพลาสติกที่แบบรีไซเคิล ที่ผ่านกระบวนการย่อยสลายของกันชนรถยนต์เก่า
ด้านขนาดมิติตัวรถใช้พื้นฐานร่วมกับ N-VAN ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2018 โดยมีความยาวอยู่ที่ 3,395 มม., กว้าง 1,475 มม., สูง 1,950 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,520 มม.
ภายในห้องโดยสาร จะมีให้เลือกทั้งแบบ 1 / 2 และ 4 ที่นั่ง โดยจุดเด่นของ N-VAN e: ในทุกรุ่นย่อยอยู่ที่ห้องโดยสารที่สามารถปรับราบได้เกือบทั้งหมด มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดบางเป็นพิเศษที่ถูกติดตั้งไว้บริเวณใต้พื้นห้องโดยสาร ที่ช่วยให้ตัวรถยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และแทบไม่มีเสียงหรือการสั่นสะเทือน ทำให้การขับขี่นุ่มนวล และไร้เสียงสำหรับการขนส่งสินค้า
นอกจากนั้นยังออกแบบให้มีเพดานหลังคาที่สูงโปร่ง อีกทั้งยังมีประตูบานข้างเปิดออกแบบบานสไลด์ พร้อมกับปราศจากเสากลางหรือเสา B เพื่อความสะดวกในการขนย้ายสินค้า
โดยในรุ่นที่นั่งเดี่ยวจะใช้ชื่อรุ่นว่า e: G โดยจะได้รับการติตดั้งเบาะที่นั่งสำหรับผู้ขับขี่ตำแหน่งเดียว โดยส่วนอื่นจะเน้นการใช้งานบรรทุกสัมภาระ และสิ่งของต่าง ๆ อีกทั้งยังออกแบบในส่วนช่องด้านหน้าใต้คอนโซลหน้าฝั่งที่ไม่ม่เบาะที่นั่ง ให้รองรับการจนส่งสินค้าที่มีความยาวได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ ส่งผลทำให้ทำให้รุ่นนี้ มีความยาวของห้องเก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นปกติ 95 มม. รวมทั้งยังปรับให้ภายในให้ต่ำลงอีกกว่ารุ่นอื่น ๆ ถึง 120 มม.
ส่วนในรุ่น 2 ที่นั่งจะชื่อรุ่นว่า e: L2 โดยจะติดตั้งเบาะเพิ่มขึ้นอีก 1 ตัวที่ด้านหลังผู้คนขับ ตัวเบาะสามารถพับให้ราบเรียบ ตัวรถจะะรองรับน้ำหนักบรรทุกสินค้าได้สูงสุดถึง 350 กก
ขณะที่ในรุ่น 4 ที่นั่ง จะมาในชื่อรุ่น e: L4 โดยจะเป็นเบาะ 2 แถว 4 ที่นั่ง ที่สามารถพับตัวเบาะได้เรียบสนิท โดยทางฮอนด้าตั้งเป้าวางจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัว และสามารถนำไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ ตัวรถจะมาในแบบสีทูโทน มาพร้อมชุดไฟหน้าแบบฮาโลเจน ขณะที่ในรุ่นอื่น ๆ จะเป็นไฟแบบ LED นอกจากนั้นยังตกแต่งกระจกมอง และมือเปิดประตูด้วยวัสดุสีดำ มาพร้อมหน้าจอความบันเทิงขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตัวรถจะรองรับน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 300 กก.
ปิดท้ายด้วยในรุ่น e:FUN ที่จะมีการตกแต่งเหมือนกับในรุ่น e: L4 จะเพิ่มเติมในส่วนระบบชาร์จเร็วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มาพร้อมชุดไฟหน้า LED ทรงกลมย้อนยุค ขณะที่ภายในจะมาในแบบสีเบจ โดยทางผู้ผลิเผยว่า N-VAN e:FUN จะถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบใช้รถในวันหยุดสุดสัปดาห์
นอกจากนั้นยังได้นำเอาดีไซน์ของส่วนควบคุมระบบปรับอากาศจาก N-Box มาใช้ พร้อมกับเลือกใช้วัสดุในห้องโดยสารที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย
อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งระบบ Honda CONNECT ที่สามารถตั้งค่าการชาร์จผ่านสมาร์ทโฟนได้ เช่น การตั้งค่าระบบปรับอากาศเพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก่อนเดินทาง, การตั้งเวลาชาร์จเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ค่าไฟสูงกว่าปกติ และการตั้งค่าปริมาณการชาร์จแบตเตอรี่สูงสุดตั้งแต่ 80-100% เพื่อป้องกันการเสื่อมของแบตเตอรี่ในระยะยาว เป็นต้น
รวมทั้งยังได้รับระบบความปลอดภัย ที่เป็นระบบ Honda Sensing ADAS (มีเฉพาะในรุ่น e: L4 และ e: FUN) มาพร้อมม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในเซ็กเมนต์ LCV อาทิ ระบบเตือนการชนรถ และคนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมคันเร่ง เพื่อป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมคันเร่ง เพื่อป้องกันการชนด้านหลัง, ระบบป้องกันการชนคนเดินถนน ด้วยการช่วยหักเลี้ยว, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบตรวจจับป้ายจราจร และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
สำหรับในด้านพละกำลังขับเคลื่อนทางฮอนด้ายังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมอเตอร์ไฟฟ้าออกมา เพียงแต่ระบุว่าแบตเตอรี่เมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 245กม. (WLTC) ซึ่งก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้ง่านขนส่งของภายในเมือง 1 วัน
มาพร้อมด้วยโหมด ECON รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 6.0 kW ที่ชาร์จไฟเต็มในเวลา 5 ชม. มาพร้อมด้วยฟังก์ชั่น VtoL จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ได้ด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 1,500W
ในด้านราคาจำหน่ายของ Honda N-VAN e: Kei-car เพื่อการพาณิชย์ตัวใหม่นี้จะมีราคาอยู่าระหว่าง 2,439,800 – 2,919,400 เยน หรือคอเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.6 – 6.79 แสนบาท โดยในทุกรุ่นย่อย จะพร้อมส่งมอบรถได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 นี้เป็นต้นไปในประเทศญี่ปุ่น