นอกเหนือจากที่ทาง ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จะเปิดตัว IONIQ 5 N Line แฮทช์แบ็คไฟฟ้าใหม่ ที่จะเข้ามาอยู่คั้นกลางระหว่าง IONIQ 5 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น และ IONIQ 5 N ที่เป็นเวอร์ชันตัวแรงแล้ว ก็ยังได้ปรับราคาจำหน่าย IONIQ 5 รถยนต์ไฟฟ้าลงทั้งในรุุ่น Exclusive และรุ่น Premium สูงสุดถึง 3.3 แสนบาท หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อน 84 เดือน โดยมีผลตั้งแต่ 20 ก.พ. 2568 หรือกว่าสินค้าจะหมด
ราคาจำหหน่าย Hyundai IONIQ 5 (นำเข้าจากเกาหลีใต้)
- IONIQ 5 Premium จากราคา 1,699,000 บาท ปรับลดลง 300,000 บาท เหลือราคาจำหน่ายที่ 1,399,000 บาท
- IONIQ 5 Exclusive จากราคา 1,829,000 บาท ปรับลดลง 330,000 บาท เหลือราคาจำหน่ายที่ 1,499,000 บาท
พร้อมข้อเสนอพิเศษดังนี้
- รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กม.
- รับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม.
- ฟรีค่าแรงเช็คระยะ นาน 10 ปี หรือ 150,000 กม.
- ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- ฟรีเครดิตชาร์จไฟมูลค่า 5,000 บาท
- ฟรี Home Charger พร้อมติดตั้ง รับประกันนาน 1 ปี
สำหรับ IONIQ 5 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบครอสโอเวอร์แฮทช์แบ็คไฟฟ้า 100% 5 ที่นั่ง ชูคอนเซ็ปต์การผสมผสานดีไซน์ยานยนต์คลาสสิกอย่าง Hyundai Pony เข้ากับ Parametric Pixels Design ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเส้นสายที่สะอาดตา และเฉียบคม เน้นเส้นเหลี่ยมสันสร้างรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง
ด้านหน้ารถออกแบบเป็นรูปตัว V กระจังหน้าทรงปิดทึบ ฝากระโปรงหน้าแบบ Clamshell Bonnet มาพร้อมชุดไฟหน้า รูปตัว U ฝั่งละ 2 ดวง ที่ด้านในประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่มีมากถึง 256 พิกเซล
ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ Parametric Pixel LED ที่มาในทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของทาง Hyundai, กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, มือเปิดประตูด้านข้างแบบซ่อนเก็บได้ในตัว, กระจกหน้าแบบ Acoustic และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
ในด้านมิติตัวจะมีความยาว 4,635 มม., กว้าง 1,890 มม., สูง 1,605 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,000 มม.
ภายในห้องโดยสารเป็นแบบ 5 ที่นั่ง ออกแบบในแนวคิด Living Space ราวกับอยู่ภายในบ้าน พร้อมกับใช้วัสดุที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลแบบ PET โดดเด่นด้วยชุดจอ Dual Screen ที่มีขนาด 24.6 นิ้ว วางยางบนแผงแดชบอร์ด โดยแบ่งเป็นหน้าจอมาตราวัดขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอ HUD
ในด้านพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น มาพร้อม Paddle shift คอนโซลกลางสามารถเลื่อนหน้า – หลังได้สูงสุดถึง 140 มม. มาพร้อมระบบเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจาก BOSE, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, แท่นชาร์จมือถือไร้สาย และไฟ Ambient Light 64 สี
เบาะที่นั่งหุ้มด้วยวัสดุ Eco-Friendly เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า มาพร้อมระบบดันหลัง นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งเทคโนโลยี V2L ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าได้สูงถึง 3.6 kW ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดความจุอยู่ที่ 527 ลิตร สารมารถเพิ่มพื้นที่ได้มากถึง 1,587 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง
ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ จะได้รับการติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense อาทิ ระบบ Smart Cruise Control with Stop and Go, ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา, ระบบป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง, ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา, กล้องมองรอบทิศทาง และะบบช่วยเตือนอากาศเหนื่อยล้า เป็นต้น
IONIQ 5 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Electric-Global Modular Platform มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่ที่คู่ล้อหลัง ในรุ่น Premium ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 58 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกล 384 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP)
รุ่น Exclusive ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. จับคู่แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 72.6 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกล 481 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP)
โดยในทุกรุ่นจะรองรับการชาร์จ DC กำลังไฟสูงสุด 350 kW ชาร์จไฟจาก 10 – 80% ในเวลาประมาณ 17 นาที และรองรับการชาร์จ AC กำลังไฟสูงสุด 10.5 kW โดยในรุ่น Exclusive จะชาร์จเต็มในเวลา 6.09 ชม. ขณะที่ในรุ่น Premium จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 4.59 ชม.
IONIQ 5 ที่เปิดวางจำหน่ายในไทยจะมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีทอง Gravity Gold Matte, สีขาว Atlas White และสีดำ Phantom Black Pearl