ค่ายกระทิงดุ Lamborghini เปิดตัวซูเปอร์คาร์รุ่นพิเศษ 2 คัน ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า Lamborghini Invencible ที่เป็นซูปเปอร์คารฺ์แบบตัวถังคูเป้ และ Lamborghini Autentica ที่มาในแบบรูปแบบ Convertible เปิดประทุน โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะเป็นรุ่นสุดท้ายของตระกูล Aventador ที่ใช้เครื่องยนต์ V12 ก่อนที่ทาง Lamborghini จะเปลี่ยนมาใช้ขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด
สำหรับ Lamborghini Invencible และ Lamborghini Autentica เป็นซูปเปอร์คันสุดท้าย 2 รุ่นที่จะใช้เครื่องยนต์ V12 มาพร้อมตัวถังแบบที่สั่งทำพิเศษ ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และการตกแต่งภายในแบบคัสตอมทั้งหมด
โดยในด้านขุดขุมพลัง V12 นั้นถูกยกมาจาก Ultimae และถือเป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่สร้างบนพื้นฐานของ Aventador รุ่นสุดท้าย โดยจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V12 ขนาด 6,498 ซี.ซ๊. ให้กำลังสูงสุด 780 แรงม้า มาพร้อม แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านชุดเกียร์ ISR 7 สปีด และระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยตัวรถมีอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 2.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 355 กม./ชม.
Lamborghini Invencible และ Autentica รุ่นพิเศษ ตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนแชสซีส์โมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ของ Aventador ซึ่งถูกใช้ในรุ่นพิเศษและการผลิตจำนวนจำกัดหลายรุ่น เช่น Veneno, Centenario, Sian FKP 37, Essenza SCV12 และ Countach รุ่นใหม่ล่าสุด LPI 800-4 เช่นเดียวกับใน SC18 Alston และ SC20
สำหรับงานดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นนี้ จะได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรุ่นพิเศษในอดีตอย่าง Sesto Elemento, Reventon และ Veneno พร้อมกับผสมผสานงานออกแบบในยุคปัจจุบันเข้าไปได้อย่างลงตัว
ด้านหน้าของซูเปอร์คาร์ทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมกับไฟหน้ารูปลูกศร ด้านหน้าของตัวรถออกแบบให้ลู่ล่ำ มาพร้อมดีไซน์ที่เฉียบคม เสริมความสปอร์ตด้วยสปลิตเตอร์หน้า พร้อมกับนำเส้นสายการออกแบบมาจากตัวแข่งอย่างรุ่น Essenza SCV12 โดยเฉพาะในส่วนของ ฝากระโปรงแบบมีช่องระบายอากาศ
ในส่วนด้านข้างตัวรถนั้นไม่ว่าจะเป็นในส่วนตัวกระจก หรือแม้กระทั้งสัดส่วน รวมทั้งช่องดักอากาศด้านข้างขนาดใหญ่ ที่จะได้รับ DNA มาจาก Aventador ตัวรถยังมาพร้อมกับ ประตูแบบ Scissor Doors ขณะที่ล้ออัลลอยคาร์บอนไฟเบอร์ที่ออกแบบลวดลายเหมือนใยแมงมุมโดยจะเป็นแบบดุมล๊อกล้อตรงกลางในสไตล์รถแข่งในสนาม
ด้านท้ายได้รับการออกแบบให้ล้ำยุคยิ่งขึ้นด้วยไฟท้าย LED ทรงหกเหลี่ยมสามดวง ที่เรียวต่อซ้อนกัน โดยในรูปแบบทรงหกเหลี่ยมนี้ก็ยังนำไปใช้เป้นลวดลายของฝาครอบเครื่องยนต์ รวมถึงชุดท่อไอเสียที่ออกตรงกลาง ดีไซน์ปลายท่อให้เป็นทรงหกเหลี่ยมที่เป็นแบบ 3 ท่อ ตามแบบฉบับระถแข่งของซูเปอร์คาร์ Lamborghini ในสนาม นอกจากนั้นยังเสริมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวดุดันด้วยด้วยช่องระบายอากาศ พร้อมดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ในตัว
และพิเศษในรุ่น Invencible จะมาพร้อมกับปีกหลังที่คล้ายกับในรุ่น Sesto Elemento ในขณะที่ Lamborghini Autentica แบบเปิดประทุน จะมีหางหลังที่เป็นแบบครีบคู่ และนอกจากไม่มีหลังคาแล้ว Autentica ยังมาพร้อมกับโครงสร้างโดม 2 อันหลังพนักพิงศีรษะอีกด้วย
สำหรับเฉดสีตัวถังในรุ่น Invencible จะมากับสีแดง Rosso Efesto ตัดด้วยสีดำของชุดแต่งที่อยู่รอบคัน ส่วนภายในห้องโดยสารจะถูกตกแต่งและหุ้มด้วยหนัง Rosso Alara สีแดง และหนัง Alcantara Nero Cosmus สีดำ
ขณะที่ในรุ่น Autentica จะมากับเฉดตัวถังสีเทา Grigio Titans อีกทั้งยังมาพร้อมกับชุดพาร์ทแต่งสีดำ Matt Black พร้อมกับตัดด้วยเส้นสีเหลือง Giallo Auge ตามส่วนชุดแต่งพร้อมรอบคัน ขณะที่ห้องโดยสารจะมาในโทนสีดำ Nero Ade เสริมด้วยหนังอัลคันทาราสีทูโทน Nero Cosmus และ Grigio Octans เดินด้ายสีเหลือง Giallo Taurus
โดยพื้นฐานห้องโดยสารของทั้งคู่ยังคงอิงรูปแบบเลย์เอาท์มาจากซูเปอร์คาร์รุ่นเครื่องยนต์ V12 ของ Lamborghini ต่างกันที่รูปแบบการตกแต่ง อุปกรณ์มาตรฐานมีมาตรวัดฟูลดิจิทัลที่แสดงผลด้วย UI ที่แตกต่างกัน, ช่องแอร์ทรง 6 เหลี่ยมที่ผลิตด้วยกระบวนการ 3D Printed และมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งตามจุดต่าง ๆ ทั่วห้องโดยสาร
สำหรับสนนราคาค่าตัวทาง Lamborghini ยังไม่มีการเปิดเเผยออกมา แต่คาดว่าคงจะสูงอยู่เพราะเป็นรุ่นสุดท้ายท้องทวนความแรงของเครื่องยนต์ V12 ก่อนที่จะผลัดเปลี่ยนยุคกลายมาเป็นซูเปอร์คาร์พลังปลั๊ก-อิน ไฮบริดในอนาคต