เรนาสโซ มอเตอร์ ผู้จำหน่ายรถยนต์ Lamborghini (ลัมโบร์กินี) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เผยโฉม Temerario (เทเมราริโอ) ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริดรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์สัญชาติอิตาลี
ที่มาพร้อมขุมพลังไฮบริด V8 ทวินเทอร์โบใหม่ล่าสุด ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอบสมรรถนะการเร่งรอบเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 10,000 รอบต่อนาที พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านประสิทธิภาพอันทรงพลัง ประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจ และสุนทรีย์แห่งการเดินทางอย่างเหนือชั้น โดยเปิดราคาจำหน่ายในตลาดเมืองไทยเริ่มที่ 23.76 ล้านบาท
สำหรับในด้านงานออกแบบดีไซน์ของ Lamborghini Temerario ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด โดยมุ่งเน้น 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ เสถียรภาพที่ระดับความเร็วสูง การระบายความร้อนที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพการเบรกขั้นสูงสุด โดยทุกองค์ประกอบได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างแม่นยำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ อาทิ ดวงไฟ DRL ทรงหกเหลี่ยมด้านหน้าที่มาพร้อมแผงปรับทางลมและช่องรับลม ไปจนถึงอุปกรณ์สร้างการหมุนเวียนของลมใต้ท้องรถ ล้วนส่งผลให้แรงกดด้านท้ายเพิ่มขึ้นถึง 103%
พร้อมติดตั้งชุดวัสดุ Alleggerita Pack และช่องกลางหลังคาที่เชื่อมต่อกับสปอยเลอร์หลัง ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการไหลของอากาศ อีกทั้งขอบฝากระโปรงเครื่องยนต์ด้านข้างที่มีดีไซน์โค้งมนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ด้านชุดล้อจะเป็นล้อแบบ Full Aluminium ขนาด 20 นิ้วที่คู่หน้า รัดด้วยยาง Bridgestone Potenza Sport ขนาด 255/35 ZR20 ส่วนด้านหลังจะเป็นล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้วรัดด้วยยาง Bridgestone Potenza Sport เช่นกันแต่มีขนาดยางอยูาที่ 325/30 ZR21 มาพร้อมคาลิเปอร์แบบ Fixed Monoblock Aluminum และจานเบรกคาร์บอนเซรามิก CCB Plus ด้านหน้า 10 พ็อต / ด้านหลัง 4 พ็อต
ในด้านขนาดมิติตัวถังของ Temerario จะมีความยาว 4,706 มม. ความกว้าง 1,996 มม. ความสูง 1,201 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,658 มม. ตัวรถจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,690 กก.
ห้องโดยสารสะท้อนแนวคิด ‘Feel like a pilot’ (ความรู้สึกเสมือนเป็นนักบิน) พร้อมตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่หลากหลายทั้ง คาร์บอน / หนัง และไมโครไฟเบอร์ Dinamica Corsatex Suede ทั่วทั้งห้องโดยสาร พร้อมกันนี้องค์ประกอบการตกแต่งภายใน เช่น คอนโซลกลาง ช่องระบายอากาศ แผงประตู แดชบอร์ด พวงมาลัย และคอพวงมาลัย ยังมีให้เลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาเป็นออปชันเสริมอีกด้วย
ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะมีหน้าจอถึง 3 จอด้วยกันที่ประกอบไปด้วย แดชบอร์ดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมจอแสดงผลส่วนกลางที่มาในแบบแนวตั้งขนาด 8.4 นิ้วที่ฝังไว้บนคอนโซลกลาง และหน้าจอสำหรับผู้โดยสารทรงอัลตร้าไวด์ขนาด 9.1 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลรถแบบเรียลไทม์ โดยผู้ขับสามารถเข้าถึงกล้องติดรถ ธีมอินเทอร์เฟซที่เปลี่ยนตามโหมดการขับขี่ และฟังก์ชันขั้นสูงอย่าง Telemetry 2.0 ได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านทั้งแดชบอร์ดโฉมใหม่และบริเวณเบาะที่นั่ง
อีกทั้ยังอิอกแบบช่องระบายอากาศทรงหกเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ และคอนโซลกลางช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด พวงมาลัยติดตั้งปุ่มควบคุมโหมดการขับฟังก์ชันยกตัวรถ ปุ่ม “Race Start” ไฟเลี้ยว และ Launch Control เพื่อมอบสมาธิสูงสุดในทุกการขับขี่
นอกจากนี้ Temerario ยังมีฟังก์ชั่น Lamborghini Vision Unit (LAVU) สำหรับบันทึกวีดิโอด้วยชุดกล้อง Hi-def 3 ตัว ซึ่งมีมุมมอง 3 รูปแบบ ประกอบด้วยมุมมองด้านหน้า, มุมมองในห้องโดยสารจากฝั่งผู้โดยสาร และมุมมองจากด้านหลังเหนือไหล่ของผู้ขับ
Temerario จะมากับขุมพลัง Hybrid ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ที่ให้กำลัง 800 แรงม้า (PS) สามารถลากรอบได้สุดที่ 10,000 รอบ/นาที มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial flux 3 ตัวโดยติดตั้งที่เพลาหน้า 2 ตัว และในชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ 8 สปีด อีก 1 ตัว มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 920 แรงม้า ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ AMT Dual Clutch 8 จังหวะ แบบ AWD มาพร้อมอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 2.7 วินาที และสามารถทำท็อปสปีดได้ถึง 343 กม./ชม. มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ Lithium-ionขนาด 3.8 kWh รองรับการชาร์ตไฟแบบ AC สูงสุด 7 kW
ขณะเดียวกันมอเตอร์ไฟฟ้าบนเพลาหน้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน และทำให้ Temerario สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO₂ ได้สูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่น Huracán
Temerario ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 13 รูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และความเร้าใจบนสนามแข่ง โดยผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบไดนามิกผ่านระบบ ANIMA (Adaptive Network Intelligent Management) ของลัมโบร์กินีได้ 5 โหมดหลัก ได้แก่ Città, Strada, Sport, Corsa และ Corsa Plus ซึ่งเลือกปรับได้จากปุ่มที่อยู่บนพวงมาลัย โดยแต่ละโหมดจะปรับการส่งกำลัง ระบบช่วงล่าง อากาศพลศาสตร์ และประสิทธิภาพของระบบไฮบริดให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ ตั้งแต่การขับขี่ในเมืองไปจนถึงการเร่งเต็มพิกัดบนสนามแข่ง
นอกจากนี้ยังมีโหมดจัดการพลังงานไฮบริดอีก 3 โหมด ได้แก่ Recharge, Hybrid และ Performance ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการชาร์จไฟจากแรงเบรก เสริมด้วยโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง Drift Mode ที่สามารถควบคุมและปรับแรงบิดได้ 3 ระดับ ช่วยให้การควบคุมการหักเลี้ยวแบบโอเวอร์สเตียร์เป็นไปได้อย่างแม่นยำ มอบประสบการณ์ที่ทั้งเร้าใจและควบคุมได้อย่างมั่นใจ
สำหรับ Temerario จะมีให้เลือก 2 สีพิเศษใหม่ ได้แก่ สีฟ้า Blu Marinus และสีเขียว Verde Mercurius อีกทั้งยังพร้อมมอบอิสระให้ลูกค้าปรับแต่งรถเพื่อสะท้อนตัวตนได้อย่างไม่รู้จบผ่านโปรแกรม Ad Personam ของลัมโบร์กินี ที่นำเสนอสีตัวถังกว่า 400 เฉด รวมถึงลวดลายพิเศษ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมล้อแมกรุ่นใหม่ถึง 3 ดีไซน์และวัสดุที่แตกต่างกัน พร้อมออปชันคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับตกแต่งทั้งภายในและภายนอกหลากหลายชิ้นส่วน ไม่ว่าจะต้องการสื่อถึงความสปอร์ต ความหรูหรา หรือทั้งสองอย่างในแบบเฉพาะตัว ทุกการคัสตอมคือภาพสะท้อนบุคลิกและไลฟ์สไตล์ของเจ้าของอย่างแท้จริง
Lamborghini Temerario กระทิงดุขุมพลังไฮบริดตัวใหม่นี้ทางลัมโบร์กีนี ทาง เรนาสโซ มอเตอร์ เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นในตลาดเมืองไทยไว้ที่ 23.76 ล้านบาท