หลังจากที่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทาง Leapmotor ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจชาวจีนได้จับจอง Leapmotor B10 เอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดล่วงหน้า ซึ่งในตอนนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยมียอดจองสั่งซื้อมากถึง 15,000 คันภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังจากเปิดจำหน่ายล่วงหน้า
ล่าสุดทาง ลีพมอเตอร์ แบรนด์รถ NEV จากประเทศจีนที่ได้รับการสนับสนุนจาก Stellantis ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีน พร้อมประกาศราคาจำหน่ายออกมาแล้ว โดยจะมีราคาที่ถูกว่าตอนเปิด Pre Order โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 99,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 4.58 แสนบาทจะได้รับของขวัญมูลค่าสูงถึง 15,600 หยวน หรือราว ๆ 7 หมื่นบาท
สำหรับ B10 เอสยูวีไฟฟ้าตัวใหม่นี้นับเป็นรถรุ่นที่ 6 ภายใต้แบรนด์ลีพมอเตอร์ โดยทางผู้ผลิตจะให้มาเป็นคู่ต่อกรตัวใหม่ของทาง BYD ATTO 3
ในด้านงานออกแบบตัวรถจะมาในรูปแบบเอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด โดยมีขนาดความยาวอยู่ที่ 4,515 มม,. กว้าง 1,885 มม. สูง 1,655 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,735 มม. และมีระยะยื่นด้านหน้าและด้านหลังอยู่ที่ 881 มม. และ 899 มม. ตามลำดับ ส่วนมุมเข้า และมุมออกอยู่ที่ 19 และ 24 องศา ที่น่าสนใจคือระยะฐานล้อหน้าของ Leapmotor B10 อยู่ที่ 1,615 มม. ซึ่งกว้างกว่าระยะฐานล้อหลังเล็กน้อยที่ 1605 มม.
โดยเมื่อเทียบกับว่าทีคู่แข่งในตลาดอย่าง BYD ATTO 3 (Yuan Plus) จะยาวกว่า 60 มม. กว้างกว่า 10 มม. และเตี้ยกว่า 40 มม.
ส่วนงานดีไซน์ จะมีลักษณะที่ดูคล้ายกับ Leapmotor C10 ที่เป็นรถในรูปแบบเอสยูวีไฟฟ้าเหมือนกัน เส้นสายตัวรถเน้นความเรียบหรู พร้อมดีไซน์ให้สอดรับกับระบบแอร์โร่ไดนามิค เพื่อให้ลดแรงต้านอากาศ โดยในส่วนของด้านหน้าจะมาในแบบปิดทึบ มากับชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน ด้านบนเป็น แถบไฟ LED ที่ออกแบบให้มีความเรียวยาว โดยมีแถบสีดำเชื่อมต่อชุดไฟหน้าที่สองฝั่งข้าไว้ด้วยกัน
ถัดลงมาด้านล่าง จะเป็นชุดส่องสว่างที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ซึ่งเชื่อมต่อเป็นชุดเดียวกันกับ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่
เส้นสายด้านข้างก็ยังออกแบบให้ยังดีไซน์ให้ลดแรงต้านอากาศ มือเปิดประตูเป้นนแบบซ่อนที่ราบเรียบไปกับตัวรถ พร้อมติดตั้งกล้องไว้ที่ขอบซุ้มล้อหน้าทั้ง 2 ฝั่ง รวมทั้งยังมาเซ็นเซอร์ LiDAR ที่อยู่บนหลังคาด้านหน้า ขณะที่ชุดล้ออัลลอยเป็นแบบทูโทนปัดเงาขนาด 18 นิ้ว
ส่วนด้านท้ายติดตั้งชุดไฟท้าย LED ที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ โดยมีชื่อแบรนด์ Leapmotor วางอยู่ด้านล่าง ขณะที่ด้านบนหลังคาด้านท้ายเสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ โดยมีชุดไฟเบรกดวงที่สาม และกล้องติดด้านหลังติดไว้อยู่ที่่ด้านบน
ภายในห้องโดยสารของ Leapmotor B10 จะมาในแบบมินิมอลที่จะลดการใช้ปุ่มสั่งงาน โดยจะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีม่วงและสีเทา
โดยในส่วนของแผงแดชบอร์ดจะมีเพียงแผงหน้าปัด LCD ขนาด 8.8 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงกรมแบบ 2 ก้าน ตรงกลางคอนโซลหน้าจะเป็นหน้าจออินโฟนเทนเมนต์ ที่มาในแบบแขวนโดยมีขนาด 14.6 นิ้ว ความคมชัดระดับ 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8155 จาก Qualcomm Leapmotor OS 4.0 Plus มาพร้อมระบบตอบโต้ด้วยเสียงที่เป็น AI และรองรับการเชื่อมตจ่อทั้ง Huawei HiCar และ Apple CarPlay
นอกจากนั้นยังออกแบบช่องปรับอากาศให้มาในทรงรูปรี รวมทั้งตกแต่งในส่วนกรอบช่องแอร์ด้วยวัสดุสีทองแดง ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราให้มากยิ่งขึ้น
ส่วนคอนโซลกลางจะมีเพียงแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังไฟ 15W นอกจากนั้นยังได้รับชุดเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง และยังมาพร้อมกับหลังคาซันรูฟที่มีขนาดความกว้างมากถึง 1.83 ตารางเมตร
ในด้านพื้นที่เก็บของด้านท้ายจะมีความจุอยู๋ที่ 420 ลิตร โดยจะสามารถขยายเป็น 515 ลิตรได้โดยการนำแผ่นรองพื้นออก และเมื่อพับเบาะหลังลงจะขยายพื้นที่ได้มากถึง 1,415 ลิตร
ด้านระบบความปลอดภัยจะได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์ LiDAR บนหลังคา มาพ้อมกล้องมองหน้า 8MP สองตัว, กล้องมองรอบทิศทาง 3MP 4ตัว, เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 3 ตัว
อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งระบบ ADAS ที่รองรับฟังก์ชันมากถึง 26 ฟังก์ชัน รวมถึงยังมาพร้อมกับระบบการจอดรถอัจฉริยะ หรือการหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางบนท้องถนน นอกจากนั้นภายในสิ้นปี 2025 B10 จะสามารถนำทางด้วยระบบอัตโนมัติ (NOA) ในเขตเมืองได้
Leapmotor B10 สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ Leap 3.5 พร้อมระบบแรงดันไฟฟ้าสูง 800V โดยในรุ่นเริ่มต้นจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่มีกำลังสูงสุด 132 kW (177 แรงม้า) ส่วนในรุ่นตัวแรงจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 160 kW (214 แรงม้า) ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.8 วินาที
ด้านชุดแบตเตอรี่จะมีให้เลือก 2 ขนาดความจุ โดยจะมากับแบตเตอรี่ LFP ความจุ 56.2 kWh ชาร์จไฟเต็มจะให้ระยะทางวิ่งไกล 510 กม. (CLTC) ส่วนในรุ่น Long Range จะมากับแบตเตอรี่ขนาด 67.1 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งให้ระยะทางวิ่งไกลสุด 600 กม.
พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC โดยแบตเตอรี่ขนาดเล็กจะชาร์จไฟจาก 30 – 80% ในเวลา 19 นาที ส่วนแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าจะชาร์จจาก 30 – 80% ในเวลา 20 นาที
Leapmotor B10 ที่จะเปิดวางวจำหน่ายในนจะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีม่วง / สีเทาอ่อน / สีขาว / สีเงิน / สีดำ และสีเทาเข้ม
สำหรับ Leapmotor B10 จะมีทั้งหมด5 รุ่นย่อย เปิดราครจำหน่ายไว้ดังนี้
- Leapmotor B10 510 Comfort ราคา 99,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 4.58 แสนบาท
- Leapmotor B10 510 Enjoy ราคา 109,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.04 แสนบาท
- Leapmotor B10 510 LiDAR ราคา 119,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.49 แสนบาท
- Leapmotor B10 600 Joy ราคา 119,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.49 แสนบาท
- Leapmotor B10 600 LiDAR ราคา 129,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.95 แสนบาท
โดยทาง Leapmotor นอกจากจะเปิดวางจำหน้าย B10 ในจีน ยังเตรียมที่จะส่งไปขายยังตลาดต่างประเทศด้วยโดยเฉพาะนตลาดยุโรป ขณะที่ในบ้านเรานั้นคาดว่าคงจะมาแน่ แต่ยังไม่ใช่ในช่วงนี้