MAXUS แบรนด์ที่อยู่ในสังกัดของทาง SAIC ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ MG รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายุโรปด้วยการเปิดตัว Maxus eTerron 9 รถกระบะไฟฟ้าคันแรกในยุโรปที่ภายในงาน IAA Hannover ประเทศเยอรมนี
ชูจดเด่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบรถกระบะ ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มไฟฟ้าโดยเฉพาะ และมีขนาดตัวถังใหญ่กว่า Hilux และ Ranger มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ให้กำลัง 436 แรงม้า จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตขนาด 102 kWh โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าจะวิ่งถึง 430 กม.
ในด้านงานออกแบบของ MAXUS eTerron 9 จะมากับแชสซีซ์แบบ Semi-monocoque ที่เป็นการผสมผสานข้อดีของทั้งโครงสร้างแบบยูนิบอดี และโครงสร้างแบบตัวถังบนเฟรมเข้าด้วยกัน โดยตัวโครงสร้างตัวรถนั้นถูกผลิตขึ้นจากวัสดุเหล็ก Ultra-high-strength

สำหรับงานดีไซน์มาพร้อมภาษาการออกแบบที่เรียกว่า “New Electrified Mecha” กระจังหน้ารถเป็นแบบปิดทึบพร้อมติดตรา MAXUS ไว้ตรงกลาง ขนายข้างดวนชุดไฟหน้า LED ทั้งระบบโดยมีไฟ DEL LED เป็นเป็นรูปตัว C อยู่ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง อีกทั้งยังมีช่องเก็บของด้านหน้าที่เปิดด้วยระบบไฟฟ้า โดยมีความจุมากถึง 236 ลิตร
นอกจากนั้นในส่วนของตัวถังจะถูกประกอบขึ้นจากชิ้นงานที่เป็นพลาสติกที่ทนต่อรอยขีดข่วน มาพร้อมฝากระบะท้ายที่เป็นไฟฟ้า อีกทั้งยังออกแบบในส่วนผนังกั้นห้องโดยสารด้านหลังกับตัวกระบะท้ายสามารถเปิดพับเก็บได้ ซึ่งช่วยให้วางของที่มีตคาวมยาวได้มากถึง 2,400 มิลลิเมตร
ขณะที่ในด้านมิติความยาวของตัวรถนั้น eTerron 9 รถกระบะไฟฟ้าของทาง MAXUSจะมีความยาวมากถึง 5,500 มม. ซึ่งยาวกว่า Ford Ranger 140 มม. และ Toyota Hilux 175 มม.
ด้านภายในห้องโดยสารดีไซน์ด้วนความทันสมัย ดูพรีเมียมมากกว่ารถกระบะทั่ว ๆ ไป ตกแต่งภายในแบบสีทูโทน พร้อมวัสดุหนังแบบบุนุ่ม ตัวเบาะที่นั่งปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง (ด้านผู้ขับขี่) มาพร้อมฟังก์ชันนวด และระบบระบายอากาศ นอกจากนั้นเบาะคู่หน้า ยังสามารถปรับเอนราบต่อติดกับเบาะด้านหลังกให้กลายเป็นพื้นที่นินขนาดยาวถึง 1,700 มม.
ในส่วนแผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 2 ก้าน ทรง D-Shape มาพร้อมหน้าจอคู่ขนาดใหญ่ โดยแบ่งเป็นหน้าจอแสดงข้อมูงบการขับขี่ และหน้าจออินโฟเทนเมนท์ กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม
คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มาพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สาย 2 ตำแหน่ง โดยจะถูกคั้นกลางไว้ด้วยสวิทช์ปรับตำแหน่งเกียร์ นอกจากนั้นยังออกแบบภายในให้มีช่องเก็บของแบบเล็ก ๆ น้อยได้มากถึง 20 ตำแหน่ง
eTerron 9 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มไฟฟ้าโดยเฉพาะ ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่โดยแบ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าที่ให้กำลัง 170 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 272 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุด 442 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่รองรับการขับขี่ทั้งแบบ On road และ Off road ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.8 วินาที และมีพละกำลังในการลากจูงอยู่ที่ 3,500 กก.
ตัวรถมาพร้อมระบบ All-terrain System (ATS) ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Normal, Mud และ Sand รวมถึงผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าต่างๆ เองได้ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย, กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า, ระบบควบคุมเสถียรภาพ, ระบบกู้คืนพลังงาน
ด้านระบบช่วงล่างเป็นแบบ Multi-link พร้อมโช้กอัปถุงลมไฟฟ้า ที่ปรับระดับความสูงได้ อีกทั้งยังสามารถลดระดับความสูงของกระบะท้ายได้สูงสุด 60 มม. โดยตัวรถจะรองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 620 กก.
สำหรับชุดแบตเตอรี่จะเป็นแบบ Lithium Iron Phosphate ที่ขนาดความจุ 102 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทางไกล 430 กม. (WLTP) รองรับการชาร์จไฟแบบ DC ขนาด 115 kW ให้กำลังไฟจาก 20% – 80% ในเวลา 40 นาที มาพร้อมฟังก์ชัน Vehicle to Load (V2L) ที่มีช่องจ่ายไฟขนาด 2.2 kW ติดตั้งบริเวณฝากระโปรงหน้า และกระบะท้าย และรองรับอุปกรณ์จ่ายไฟขนาด 6.6 kW
สำหรับ MAXUS eTerron 9 คาดว่ารถจะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนตลาดอื่น ๆ นั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในขณะนี้