บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รถเอสยูวีสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG รุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid เจเนเรชั่นที่ 4 สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทางสูงสุด 86 กม. (WLTP) พร้อมได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงแบบจัดเต็ม เปิดราคาจำหน่ายที่ 5,850,000 บาท
สำหรับงานดีไซน์ภายนอกของจะมากับชุดตกแต่งแบบ AMG Night Package กับสี Deep gloss black ที่ถูกตัดแซมไว้บนชุดกันชนหน้า “A-wing”, กระจกมองข้าง, คิ้วขอบกระจก, แร็คหลังคา, กันชนท้าย และปลายท่อคู่อันทรงพลังเพื่อมอบพลังความสปอร์ต และปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior ไฟหน้า MULTIBEAM LED ผสานการทำงานกับ Adaptive Highbeam assist Plus
นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งล้อฟอร์จสีดำด้าน matte black ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 22 นิ้ว สำหรับรุ่นที่ประกอบในประเทศ
ขณะที่ภายในห้องโดยสารมาพร้อม AMG Interior Package ที่ได้รับตกแต่งให้มีความโดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง และไมโครไฟเบอร์ หลังคากระจก Panoramic Sunroof ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร
มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX7 แบบ zero-layer concept ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอธีมพิเศษของ AMG รวมถึงการวัดแทร็กสนาม โดยควบคุมผ่านจอกลางแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับ AMG Head-up Display ขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งระบบนำทางแสดงภาพเสมือนจริง MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® surround sound system ลำโพง 13 ตัว กำลังขับ 590 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับขุมพลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ (M256M) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Plug-in hybrid ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระเพื่อให้ตอบโจทย์บนทุกสภาพพื้นผิวถนน ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม.
จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 31.2 kWh ชาร์จไฟเต็มจะวิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ระยะทาง 86 กม. (WLTP) รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาจาก 10-80% ภายในระยะเวลา 20 นาที และการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kWh ใช้เวลาจาก 0-100% ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง
มาพร้อมโปรแกรมการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ปรับเลือกได้ 7 รูปแบบ พร้อมโหมด Off-Road ที่สามารถแสดงผลแบบ Transparent bonnet สามารถแสดงภาพใต้ท้องรถแบบ Real-time
ช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL+ ทำงานคู่กับช่วงล่างถุงลม Adaptive AIRMATIC และระบบเบรก AMG high-performance brake system ด้านหน้า 6-pot และด้านหลัง 1-pot
นอกจากนี้ ตัวรถยังถูกติดตั้งระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบ AMG Performance exhaust system ที่พัฒนาโดย Mercedes-AMG สามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง หรือบน AMG steering wheel buttons ได้
ด้านเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยจะได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Plus Package และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน, มาพร้อมระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ , ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS รวมทั้งยังมากัยโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP®, ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ
Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รุ่นประกอบไทยจะมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว Polar White, สีดำ Obsidian Black, สีเทา Selenite Grey, สีเทา MANUFAKTUR Alpine Grey Solid และสีแดง MANUFAKTUR Hyacinth Red Metallic
