นอกจากที่ทาง Mercedes-Benz จะเอาใจตามคำเรียกร้องของกลุ่มลูกค้าชาวไทยเปิดวางจำหน่าย Mercedes-Benz G 450 d ยนตรกรรม Top-End Luxury ในกลุ่ม G-Class แล้ว
ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ได้เปิดตัววางจำหน่าย Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาในรูปแบบเอสยูวี มากับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ให้กำลังรวมมากถึง 587 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 1,164 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยนำเข้ามาจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ในรุ่น STANDARD และรุ่น EDITION ONE ที่มีเพียง 6 คันเท่านั้นในไทย
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology ครั้งแรกกับการสานต่อตำนาน 45 ปี ของ G-Class เจ้าของฉายา “King of Off-Road” ผสมผสานสมรรถนะระดับสูง และความหรูหราตามแบบฉบับของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ยังคงความคลาสสิกด้วยรูปลักษณ์สไตล์ทรงกล่องได้อย่างลงตัว
โดยทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกติดตั้งทั้ง 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 587 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,164 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กม./ชม. ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive
ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ไกลถึง 473 กม. (WLTP) รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 32 นาทีจาก 10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ชาร์จไฟเต็มในระยะเวลา 11 ชั่วโมง 45 นาที
Mercedes-Benz G 580 มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัย ที่ถูกออกแบบให้ทนทานในทุกสภาวะ โดยใช้เหล็กกล้าที่มีความหนากว่า 3.4 มิลลิเมตร เพื่อปกป้องและลดการบิดตัวของห้องโดยสาร ทั้งยังเสริมความแกร่งด้วยโครงสร้างพิเศษแบบ Carbon-fibre skid plate ที่มีความหนา 3 ซม. ในการปกป้องแบตเตอรี่แบบ high-voltage
พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ทั้งแบบ on-road และ off-road โดยการขับขี่แบบ off-road จะมาพร้อม G-TURN ซึ่งเป็นระบบการกลับรถรูปแบบใหม่ที่สามารถหมุนรถได้ถึง 720 องศา หรือ 2 รอบ ช่วยให้ตัวรถสามารถหมุนตัวกลับได้ในทันที และระบบการเข้าโค้งแบบ G-STEERING ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวให้แคบลง โดยสั่งการให้แต่ละล้อเพิ่มหรือลดกำลังอย่างอิสระตามสถานการณ์ ในความเร็วไม่เกิน 25 กม./ชม. ทำให้การเข้าโค้งง่ายดายกว่าที่เคย โดยทั้งสองระบบนี้จะจำกัดให้สามารถทำงานได้บนพื้นถนนที่เป็น off-road แบบถนนทรายหรือถนนเปียกเท่านั้น
อีกทั้งยังมาพร้อมกับ ELECTRIC DYNAMIC SELECT โปรแกรมรูปแบบการขับขี่ที่มีให้เลือกมากถึง 5 แบบ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการขับขี่ on-road มีให้เลือก 3 โปรแกรม ได้แก่ Comfort, Sport และ Individual นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมการขับขี่เฉพาะสำหรับรูปแบบการขับขี่แบบ off-road ให้เลือก 2 โปรแกรม ได้แก่ Trail และ Rock โดยการใช้งานโปรแกรมการขับขี่ LOW RANGE จะสามารถใช้ได้แค่ในโหมด ‘Rock’ เท่านั้น
รวมทั้งยังมอบทัศนวิสัยการขับขี่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ผสานการทำงานกับฟังก์ชัน ULTRA RANGE Highbeam ปรับความสว่างของไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตร
มาพร้อมระบบส่องสว่างอัจฉริยะ, ระบบ ALS (Active Light System), ระบบ Cornering Light และระบบ Adaptive Highbeam Assist
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology ยังได้่รับการติดตั้งล้ออัลลอย 5-twin-spoke ขนาด 18 นิ้ว พ่นสี high-gloss black มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบ Suspension with adaptive damping adjustment ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการตอบสนองผ่านโหมดการขับขี่ต่าง ๆ รวมถึงปรับตาม differential locks ที่กำลังใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น
ในส่วนของเทคโนโลยีและระบบความบันเทิง มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 ทำงานโดยใช้ AI ที่จะจดจำรูปแบบการใช้งาน และปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่แต่ละคน ติดตั้งหน้าจอความละเอียดสูงพร้อมระบบควบคุมแบบสัมผัสขนาด 12.35 นิ้ว สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ผ่านการสัมผัสและแสดงข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ระบบนำทางและการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง เจเนอเรชันใหม่ได้ถึง 27 ภาษา
มาพร้อมระบบเสียง Burmester® 3D surround sound system ทรงพลังด้วยลำโพงคุณภาพสูงจำนวน 18 ตัว DSP 16 amplifier channels รอบห้องโดยสารด้วยกำลังขับขนาด 760 วัตต์ ถ่ายทอดเสียงอันไพเราะด้วยโหมดเสียงพิเศษแบบ Pure & 3D-Sound ที่ Burmester® ออกแบบมาสำหรับ The new G-Class โดยเฉพาะ
ในด้านระบบความปลอดภัยจะมากับ Assistance Package อาทิ ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา, ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ
เพิ่มเติมความพิเศษในรุ่น “EDITION ONE” ที่ยกระดับฟีเจอร์ต่าง ๆ ไปอีกขั้น อาทิ ระบบกุญแจ KEYLESS-GO, ชุดแต่งภายนอกรอบคันแบบ AMG Bodystyling, ชุดแต่ง Night Package และ MANUFAKTUR logo package in black
โดยจะมีสัญลักษณ์รูปตัว G เพื่อสื่อถึงไอคอนิกของ G-Class ทุกตำแหน่ง เช่น มือจับประตู ไฟส่องที่พื้น และด้านหลังของที่เก็บสัมภาระ ทั้งยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยเส้นด้านข้างของตัวรถ ซึ่งจะถูกตกแต่งด้วยสีเงินและสีน้ำเงิน มาพร้อมกันชนหน้าและคาลิปเปอร์ที่ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินเช่นกัน ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอย AMG 10-spoke ขนาด 20 นิ้ว ที่มีรูปแบบให้เลือกมากยิ่งขึ้นตามความชื่นชอบของผู้ขับขี่
ดีไซน์ภายในของรุ่น EDITION ONE มีการตกแต่งแบบ AMG Interior มาพร้อมเบาะนั่งทูโทนตัดสลับ สีเงิน และเดินด้วยด้ายสีน้ำเงินทั้งคัน พร้อมกับ Trim Carbon-fibre แบบพิเศษ ที่ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน รวมถึงการเพิ่ม Active Multi Contour Seat ของเบาะนั่งคู่หน้า ช่วยให้ทุกการขับขี่และการโดยสารเป็นไปอย่างสะดวกสบาย
ในด้านเฉดสีตัวถังในรุ่น “STANDARD” มีสีตัวถังให้เลือกทั้ง Metallic Paints และ Non-Metallic Paints กว่า 8 สี, MANUFAKTUR Metallic Paints 8 สี, MANUFAKTUR Non-Metallic Paints 6 สี, MANUFAKTUR Bright Paints 1 สี, MANUFAKTUR Magno Paints 10 สี MANUFAKTUR Exclusive Magno Paints 3 สี และสีน้ำเงิน (MANUFAKTUR South Sea Blue Magno) ซึ่งเป็นสีเฉพาะสำหรับ Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology อย่างเดียวเท่านั้น
ส่วนรุ่นพิเศษ “EDITION ONE” มีสีตัวถังพิเศษให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ Obsidian Black Metallic, สีน้ำเงิน MANUFAKTUR South Seas Blue Magno, สีขาว MANUFAKTUR Opalite White Bright และสีเทา MANUFAKTUR Classic Grey Non-metallic
โดยทาง Mercedes-Benz ประเทศไทยตั้งราคาจำหน่ายของ Mercedes-Benz G 580 ไว้ที่
- Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology รุ่น STANDARD วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 9,500,000 บาท
- Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology รุ่น EDITION ONE วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 12,200,000 บาท