เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัวยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับ
ไฮเอนด์ Mercedes-Maybach S 580 e รุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมกับตัวถังสีทูโทน ที่มาพร้อมขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid ที่วิ่งได้ไกลกว่า 100 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
สำหรับ Mercedes-Maybach S 580 e ยนตรกรรมระดับไฮเอนด์ลักชัวรีรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ถือว่าเป็นรถยนต์รุ่นแรกของทาง Mercedes-Maybach ที่ขึ้นไลน์ผลิตตัวถังสีทูโทนแบบ Local Production ในไทย
ในด้านงานดีไซน์ภายนอกโดดเด่นสง่างามพร้อมสะกดทุกสายตาตั้งแต่แรกเห็น เริ่มจากกระจังหน้าโครเมียมแบบ Radiator grille และตราสัญลักษณ์ Maybach อันเป็นเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วยกระจกแบบ laminated glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟาเรด และเสียงสะท้อนจากภายนอก
มาพร้อมไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ผสานการทำงานด้วยระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย Active Light System ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light)
ขณะที่ชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่พิเศษแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี fibre-optic ในส่วนของช่วงล่าง มีการติดตั้งล้อ MAYBACH แบบ forge wheels ขนาด 20 นิ้ว และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมเพื่อช่วงล่างที่นุ่มนวล สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ความเร็ว และการบรรทุกสัมภาระได้อย่างอัตโนมัติ ให้ทุกการขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกสบายและเหนือระดับในทุกสภาพถนน
ภายในห้องโดยสารแผงคอนโซลกลางแบบ black crystal-look finish พร้อมหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง OLED ขนาด 12.8 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน หุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
เบาะนั่งดีไซน์หรูหราหุ้มหนัง Exclusive Nappa ตกแต่งแบบ diamond design และระบบนั่งด้านหลังแบบ First-Class พร้อมฟังก์ชันการนวด ที่สามารถเปลี่ยนทุกความเหนื่อยล้าให้เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 4-ZONE ฟังก์ชันปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) ระบบฟอกอากาศแบบ HEPA filter และระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมตกแต่งบริเวณโครงหลังคาอย่างปราณีตด้วย DINAMICA microfibre คุณภาพสูง
ในด้านระบบความบันเทิงมากับระบบ MBUX Interior Assistant รวมถึงระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX ที่เชื่อมต่อ music streaming service ระบบแผนที่นำทาง และระบบตรวจสอบสภาพการจราจร Live Traffic Information มาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D ผสานการกับชุดไฟ Ambient lighting ที่ปรับได้มากถึง 64 เฉดสี ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึง 2 เฉดสีพิเศษ ได้แก่ สี twinkle-star และสี rosé gold ที่มีเฉพาะในยนตรกรรมจาก Mercedes-Maybach เท่านั้น
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับโปรแกรมการขับขี่แบบ “Maybach” ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความผ่อนคลายขณะเดินทางให้แก่ผู้โดยสารด้านหลังโดยเฉพาะ โดยจะเน้นการเคลื่อนที่ของระบบช่วงล่าง และควบคุมแรงสั่นสะเทือนของรถยนต์เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มสบายที่สุด
ในขณะเดียวกันก็สามารถปรับการควบคุมคันเร่งเพื่อการออกตัวอย่างนุ่มนวล ในขณะที่โปรแกรมการขับขี่แบบ “COMFORT” ก็จะช่วยมอบสมดุลแห่งการขับขี่อันสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และยังมีอีกหลากหลายโหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการด้วยระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT
สำหรับเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยนั้น จัดเต็มพิกัดตามแบบฉบับรถยนต์ระดับไฮเอนด์ลักชัวรี ไม่ว่าจะเป้นระบบระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance package, ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน, ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและเตือนเมื่อปล่อยมือ และระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ฯลฯ นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบช่วยจอด Active Parking Assist with PARKTRONIC มาพร้อมกล้อง 360°
ด้านพละกำลังจะมากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 6 สูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 367 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม ในเวลา 5.7 วินาที ด้านความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 250 กม./ชม.
ส่วนชุดแบตเตอรี่จะเป็นแบบ Lithium-ion ที่มีขนาด 28.6 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 100 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลา 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จ 2 ชม.30 นาที
สำหรับราคาจำหน่ายของ Mercedes-Maybach S 580 e ตัวถังสีทูโทน (two-tone paint – obsidian black / high-tech silver) รุ่นประกอบในประเทศทาง Mercedes-Benz ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่ายอยู่ที่ 11,200,000 บาท