in , ,

MG ES5 ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าใหม่ ชาร์จไฟวิ่งไกลถึง 525 กม. น้องใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ ZS EV

All-New MG ES5 เอสยูวีไฟฟ้าใหม่ เผยโฉมในจีน ชาร์จไฟวิ่งไกล 525 กม. พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ ZS EV ในอนาคต

MG ES5 2025

MG แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ-จีน ได้เผยโฉนแรกของ All-New MG ES5 2025 รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่มาในรูปแบบเอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้า ขนาดกะทัดรัดสำหรับครอบครัว โดยคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงปลายปี 2024 นี้ และมีความเป้นไปได้สูงมากที่จะเข้ามาทำตลาดแทนที่ MG ZS EV ในอนาคตอันใกล้นี้

MG ES5 2025

โดย MG ES5 จะมาพร้อมกับงานออกแบบใหม่ที่เน้ความโฉบเฉี่ยง โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาววัยทำงาน และกลุ่มลูกค้าที่กำลังจะเริ่มสร้างครอบครัว ตัวรถมาในรูปแบบเอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดMG ES5 2025

MG ES5 2025

สำหรับ MG ES5 2025 นั้นจะเป้นการเปลี่ยนชื่อใหม่จากเดิมครั้งแรกทางเอ็มจี ตั้งชื่อไว้ว่า S5 ก่อนเปลี่ยนมาเป็น ES5 ในด้านงานออกแบบดีไซน์ด้านหน้า จะมาในแบบปิดทึบตามทแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน 2 ชั้น ด้านบนจะเป็นไฟ DRL LED ที่เป็นกรอบทรงเรียวยาว โดยมีชุดไฟ LED วางเรียวต่อกัน 3 ดวง

MG ES5 2025

MG ES5 2025

ขณะที่ไฟส่องสว่างจะอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมคางหมูล่างถัดลงมา โดยจะมีช่องดักอากาศ ต่อเชื่อมอยู่ด้านล่าง นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับช่องดักอากาศคู่ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง เติมความสปอร์ต และดุดันด้วยชุดพาร์ทแต่งสีดำรอบตัวรถที่ชายด้านล่าง 

MG ES5 2025

เส้นสายด้านข้างตัวถังจะมีเส้นนำสายตาที่ลากยาวตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า ลากยาวไปจนถึงชุดไฟท้าย พร้อมตกแต่งชายประตูข้างด้สนแถบสีโครเมียม ขณะที่มือเปิดประตูมาในรูปแบบปกติที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ ตัดกับฝาครอบกระจกมองข้างที่เป็นสีดำมาพร้อมชุดไฟเลี้ยวในตัว

MG ES5 2025

MG ES5 2025

เพิ่มความหรูหราที่ขอบหน้าต่างบานข้างด้วยคิ้วโครเมียมที่ลากยาวตั้งแต่เสา A เลาะขึ้นไปตามขอบหน้าต่างไปจนถึงเสา C ด้านท้าย มาพร้อมล้ออัลลอยที่มีขนาดล้อให้เลือกตั้งแต่ 17 นิ้วและ 18 นิ้ว

MG ES5 2025

ขณะที่ด้านบนหลังคายังค’มาพร้อมกับแล็คหลังคาที่เป็นสีโครเมียมเพื่อเสริมลุคให้เป็นรถสไตล์ครอสโอเวอร์ พร้อมกับรองรับใช้งานที่หลากหลาย 

MG ES5 2025

ด้านท้ายจะมากับชุดไฟท้ายทรงตัว Y ที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ด้านหลัง โดยมีตราโลโก้ MG คั้นไว้ตรงกลาง 

MG ES5 2025

ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีความยาว 4,476 มม. กว้าง 1,849 มม. สูง 1,621 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,730 มม. รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,685.-1,740 กก. นอกจากนั้นตัวรถจะมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพื่อความสะดวกสบาย และคล่องตัวในการขับขี่ อีกทั้งยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเป็นพิเศษ 

MG ES5 2025

ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมงานออกแบบในสไตล์มินิมอลที่เน้นความเรียบหรู พร้อมกับออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวาง โดยทางเอ็มจี เผยว่าจะมีพื้นที่ใช้งานที่มากถึง 4.24 ตารางเมตร ด้านแผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลแบบดิจิตอลที่ถูกฝังไว้บนคอนโซลหน้า โดยมรีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape วางอยู่ด้านหน้า มาพร้อมหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสที่มาในแบบลอยตัว โดบขนาดของหน้าจอต่าง ๆ นั้นทางผู้ผลิตยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในขณะนี้

MG ES5 2025

ขณะที่คอนโซลกลางออกหแบบให้มีลักษณะที่ยาว เชื่อมต่อติดกับคอนโซลหน้า จากภาพที่เปิดเผนออกมานั้นจะเห็นว่ามีแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายมาให้ถึง 2 ตำแหน่ง มาพร้อมที่วางแก้วสองช่อง ส่วนชุดปรัยเปลี่ยนเกียร์จะเป้นแบบก้านที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัย 

MG ES5 2025

MG ES5 2025

ด้านตัวเบาะที่นั่งจะมีทั้ง แบบถมด้วยวัสดุผ้าแบบทูโทน และวัสดุหนัง โดยจะมีให้เลือก 2 เฉดสีทั้งสีเบจ และโทนสีดำ มาพร้อมหลังคาซันรูฟ แบบ 2 ชั้น ที่กว้างเกือบเต็มพื้นที่ของหลังคา 

MG ES5 2025

MG ES5 จะถูกสร้างขึ้นบนถาปัตยกรรมไฟฟ้า Nebula ขอSAIC จากข้อมูลเบื้องต้นที่ถูกเปิดเผยออกมานั้นตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่วางอยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 125 kW (168 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร โดยทาง MG เผยว่าตัวรถจะมีอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. อยู่ที่ 8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดทำได้ 170 กม./ชม. 

MG ES5 2025

จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ที่ทางเอ็มจีเคลมว่าจะมีความบางที่สุดในโลกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีความบางอยู่ที่เพียง 110 มม. มีความจุให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 49.1 kWh และ  62.2  kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 425 กม. 515 กม. และ 525 กม. (CLTC) มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบอิสระ Five Link

MG ES5 2025

สำหรับ MG ES5 จะได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงปลายปี 2024 นี้ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาแทนที่ ZS EV และเข้ามาเป็นรุ่นน้องของ MG4 ที่เป็นรถแบบแฮทช์แบ็กที่ขับเคลื่อนแบบล้อหลัง

MG ES5 2025

ขณะที่สนนราคาค่าตัวนั้น ทางสื่อในประเทศจีน คาดกันไว้ว่าจะเปิดราคาจำหน่ายไว้ที่ประมาณ 100,000 – 150,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยุ่ที่ราว ๆ 4.67 – 7.01 แสนบาท