in , , ,

MG เผยสเปค All New MG3 HYBRID+ เวอร์ชันขายในไทย ขุมพลังไฮบริด 194 แรงม้า ก่อนเปิดตัว ส.ค. นี้

ส่องสเปก All New MG3 HYBRID+ แฮทช์แบ็คขนาดเล็ก เจนฯ ที่ 2 ก่อนเปิดตัว ส.ค. นี้ ด้วยขุมพลังไฮบริด 194 แรงม้า ชูจุดเด่นแรงที่สุด ห้องโดยสารกว้างสุดในคลาสเดียวกัน ที่สำคัญน้ำมันหนึ่งถังวิ่งไกลกว่า 800 กม.

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจีเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย โหมกระแสก่อนเปิดตัว All New MG3 HYBRID+ ด้วยการเผยสเปค และรายละเอียด ก่อนที่เปิดตัวประกาศราคาอย่างเป็นทางในเดือนสิงหาคม 2567 ที่จะถึงนี้ 

All New MG3 HYBRID+

สำหรับ All New MG3 HYBRID+ เป็นรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู พิกัด B-Segment เจนเนอเรชันที่ 2 ของทางค่าย MG ที่มาพร้อมงานออกแบบดีไซนใหม่ทั้งหมทดตั้งแต่หน้าจรดท้ายรวมทั้งยังได้รับขุมพลบังใหม่ 

All New MG3 HYBRID+

ในส่วนของการออกแบบ ตัวรถคงสไตล์ราดเปรียวในแบบฉบับของรถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ด้านหน้ามากับ ชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ Hunter Eye Headlamp 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

กระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ ขณะที่เส้นสานตัวรถนั้นเน้นความโค้งมน ส่วนล้ออัลลอยมาในลวดลาย 5 ก้าน ลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 195/55 R16 ส่งผลทำให้ตัวรถนั้นมีความคล่องตัวปราดเปรียว ในทุกมุมมอง 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

ในด้านขนาดมิติตัวรถของ MG3 เจนฯ ใหม่นี้ จะมีความยาว 4,113 มม. กว้าง 1,797 มม. สูง 1,502 มม. มาพร้อมระยะฐานล้อ  2,570 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มม. โดยเมื่อเทียบกับในรถคลาสเดียวกันแล้วถือเป็นรถที่มีความกว้างของตัวรถที่มากที่สุด 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

ด้านภายในห้องโดยสารถูกออกแบบภายใต้ Modular Concept ตกแต่งด้วยวัสดุที่มีคุณภาพ ออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

แผงคอนโซลหน้ามากับหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว รวมถึงระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และกุญแจรีโมทอัจฉริยะแบบ Smart Key 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

ด้านคอนโซลกลางจะติดตั้งชุดเกียร์เป็นแบบมือหมุน Shift By Wire มาพร้อมชุดเบรกมือไฟฟ้า และปุ่ม Auto Brake Hold รวมทั้งยังได้รับแท่นชาร์จสมาร์ต และช่องวางขวดน้ำขนา่ดใหญ่ 2 ช่อง 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

 

All New MG3 HYBRID+

ห้องโดยสารออกแบบให้เน้นความสะดวกในการใช้สอย มาพร้อมพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

ห้องสัมภาระด้านท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร โดยสามารถวางกระเป๋าเดินทางแบบลากขนาดใหญ่ได้ถึง 3 ใบ 

All New MG3 HYBRID+

ในด้านพละกำลังที่เป็นไฮไลท์เด็ดของ All New MG3 HYBRID+ จะมากับขุมพลังไฮบริด HYBRID+ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร 

All New MG3 HYBRID+

ติดตั้งระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ด้วยเกียร์ไฟฟ้า E-AT ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8 วินาที 

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+

มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Standard และ Sport พร้อมระบบ KERS ปรับการทำงานได้ 3 ระดับ แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า

All New MG3 HYBRID+

นอกจากนั้นยังมากับชุดแบตเตอรี่ไฮบริดเป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 1.83 kWh โดย MG3 ใหม่นี้ น้ำมัน 1 ถัง จะสามารถขับขี่ต่อเนื่องสูงสุดไกลกว่า 800 กม.

All New MG3 HYBRID+

ด้านระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Torsion Beam มาพร้อมดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง ส่วนระบบพวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)

All New MG3 HYBRID+

ในด้านระบบความปลอดภัย มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System) มาพร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition

All New MG3 HYBRID+

All New MG3 HYBRID+ จะได้รับการเปิดตัวอย่างเป้นทางการ พร้อมประกาศราคาในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 นี้ 

All New MG3 HYBRID+

โดยในส่วนข้อมูลเพิ่เติม พร้อมรายละเอียดทั้งหมดหากมีความคืบหน้าออกมาอย่างไร ทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งโดยทันที