in , , ,

MINI JCW Countryman 2024 ใหม่มี 5 คันเท่านั้นในไทย ราคา 3.999 ล้านบาท

MINI John Cooper Works Countryman 2024 โฉมใหม่ รถอเนกประสงค์สายซิ่ง ขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า มีเพียง 5 คันเท่านั้นในไทย เคาะราคาจำหน่ายไว้ที่ 3,399,000 บาท

The new John Cooper Works Countryman

มินิประเทศไทย นอกจากเปิดตัว All-new MINI Cooper SE แฮทช์แบ็กไฟฟ้า 3 ประตู เจนฯ ที่ 5 และ All New MINI Countryman SE 2024 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของตระกูลคันทรีแมนในตลาดเมืองไทยแล้ว ยังได้เอาใจสาวกมินิ ที่ชอบความแรงในแบบเคลื่อยนต์สันดาป ด้วยการเปิดตัว MINI John Cooper Works Countryman 2024 โฉมใหม่ โดยจะมีมาในแบบจำนวนจำกัดเพียง 5 คันเท่านั้น เปิดราคาจำหน่ายไว้ที่ 3,399,000 บาท 

MINI John Cooper Works Countryman 2024

MINI John Cooper Works Countryman 2024 ใหม่ (มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน 2024) เป็นรถยนต์ที่ทถูกผสมผสานสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังในแบบฉบับของจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เข้ากับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของรถมินิที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

MINI John Cooper Works Countryman 2024

ตัวรถมาพร้อมจิตวิญญาณสปอร์ต ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 233 kW (317 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ ALL4 

MINI John Cooper Works Countryman 2024

โดยตัวรถมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.26 เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการขับบนท้องถนนหรือเส้นทางออฟโรด ส่งผลให้มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่ เร่งความเร็วถึง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม.

The new John Cooper Works Countryman

The new John Cooper Works Countryman

ในด้านงานออกแบบโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงบุคลิกที่ดูสปอร์ต และดุดัน สะท้อนให้เห็นจุดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและความอเนกประสงค์ของตัวรถ โดยแผ่นสะท้อนแสงแนวตั้งบริเวณด้านหน้ารถ ยังช่วยเน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ ไฟหน้า LED มินิดีไซน์ใหม่ พร้อมแถบไฟแนวนอนอันเป็นเอกลักษณ์จากโหมด JCW Signature ยิ่งช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ของรถยนต์แบบ Sports Activity Vehicle

The new John Cooper Works Countryman (5)

ส่วนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่รูปทรงแปดเหลี่ยมที่ตกแต่งด้วยสีดำ High-gloss Black และโลโก้ JCW ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ช่วยเสริมให้ดีไซน์มีความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความมินิมอลที่ทั้งเรียบง่ายแต่โดดเด่น สะกดทุกสายตาบนท้องถนน

The new John Cooper Works Countryman

The new John Cooper Works Countryman

The new John Cooper Works Countryman

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสีตัวถังสีพิเศษ Legend Grey ซึ่งตัดกันอย่างโดดเด่นกับหลังคาสีแดง Chili Red ที่มาพร้อมกระจก Panorama และกระจกมองข้างสีแดงที่บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ 

The new John Cooper Works Countryman

ในขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย John Cooper Works Flag Spoke ในแบบทูโทน ก็ช่วยดึงความโดดเด่นให้กับตัวรถ ส่วนท้ายรถยังมาพร้อมกับไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ในโหมด JCW Signature อันเป็นเอกลักษณ์ สอดรับกับตัวถังด้านหลังทรงตั้งตรงที่ช่วยตอกย้ำถึงความกว้างของตัวรถ

The new John Cooper Works Countryman

The new John Cooper Works Countryman

ขณะที่ภายในห้องโดยสารห้องโดยสารของ MINI JCW Countryman 2024 ใหม่ ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อตอกย้ำถึงความกว้างขวางและโอ่อ่า ตกแต่งด้วยสีแดงและสีดำบริเวณคอนโซล แผงประตู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต ที่หุ้มด้วยหนังวีแกน Vescin และเนื้อผ้า ผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัวและสะท้อนถึงจิตวิญญาณรถแข่งของจอห์น

The new John Cooper Works Countryman

The new John Cooper Works Countryman

The new John Cooper Works Countryman

ในส่วนแผงแดชบอร์ดมากับหน้าจอกึ่งกลางคอนโซลแบบ OLED ทรงกลม ความละเอียดสูง อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ เจเนอเรชันที่ 5 รองรับโหมดการใช้งาน MINI Experience และแผงควบคุมดีไซน์ใหม่ในรูปแบบ Toggle Bar ที่รวบรวมทุกฟังก์ชันสำคัญสำหรับการขับขี่เอาไว้ในที่เดียว รวมทั้งยังสามารถสั่งงานด้วยเสียง เพื่อควบคุมฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ เช่น ระบบนำทาง โทรศัพท์ และระบบความบันเทิงต่าง ๆ ในรถได้เช่นกัน

The new John Cooper Works Countryman

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุมากถึง 505 ลิตร  และเมื่อพับเบาะด้สนหลังลงจะขยายพื้นที่ออกได้มากถึง 1,530 ลิตร

The new John Cooper Works Countryman

สำหรับ MINI John Cooper Works Countryman 2024 ทาง MINI Thailand นำเข้ามาจัดจำหน่ายในเมืองไทยเพียง 5 คันเท่านั้น เปิดราคาจำหน่ายในไว้ที่ 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard 3 ปี หรือ 60,000 กม.