หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง Xiaomi Auto แบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่หันมาเอาดีด้านยานยนต์ไฟฟ้า ได้เปิดราคาล่วงหน้าของ Xiaomi SU7 Ultra ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าตัวแรง ให้ผู้สนใจชาวจีนได้จับจองกันล่วงหน้าเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา โดยในครั้งนั้นเปิดราคาไว้ที่ 814,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 3.76 ล้านบาท ซึ่งก็มีผู้ในใจจับจองกันไปมากถึง 3,680 คัน ภายใน 10 นาทีหลังจากการประกาศราคาล่วงหน้าออกมา
ล่าสุดทาง เสี่ยวหมี่ ออโต้ พร้อมแล้วที่นำ Xiaomi SU7 Ultra ลงโชว์รูมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมกับส่งมอบรถให้กับผู้ที่จับจองกันไปล่วงหน้า โดยจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2025 ที่จะถึงนี้
สำหรับ Xiaomi SU7 Ultra ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้ารุ่นผลิตจริงคันนี้ ในด้านงานออกแบบ ได้ถูกพัฒนาต่อยอดจาก SU7 รุ่นมาตรฐาน และยังคงยึดแนวทางมาจากในรุ่น Prototype ตัวต้นแบบ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยตัวรถจะมาในโทนสีเหลืองที่คาดด้วยแถว Ultra สีขาว
มาพร้อมชุดแต่งที่จะช่วยเพื่มประสิทธิภาพในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นครีบที่ปลายกันชนหน้าทั้งสองข้าง มาพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่
ส่วนที่ด้านท้ายติดตั้งปีกหลังที่ถูกผลิตขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยมีความยาวถึง 1560 มม. ซึ่งจะวางตั้งอยู่บนฝากระโปรงท้าย โดยจะช่วยเพิ่มแรงกดได้มากถึง 265 กก. ทำให้รถเกาะถนนได้ดีแม้ในความเร็วสูง รวมทั้งยังมาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์หลังที่เป็นแบบแอคทีฟ ที่จะช่วยในเรื่องปรับการไหลเวียนอากาศให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ได้
นอกจากนี้ในส่วนของตัวถังยังปรับเพิ่มความกว้างของตัวรถขึ้น 7 มม. จากตัวต้นแบบ เพื่อรองรับล้อขนาด 21 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง Pirelli P Zero Elect
ในด้านขนาดมิติตัวรถของ Xiaomi SU7 Ultra จะมีความยาว 5,115 มม. กว้าง 1,970 มม. สูง 1,465 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,000 มม.
ภายในห้องโดยสารตะถูกตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองสลับดำ ตัวเบาะที่นั่งมาในแบบสปอร์ต ตัวโครงทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา พร้อมหุ้มด้วยหนัง Alcantara สีเหลือง- ดำ มาพร้อมติตดั้งเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง
ในส่วนของแผงแดชบอร์ด งานออกแบบก็จะเหมือนกับในรุ่น Xiaomi SU7 แต่จะปรับใหม้ดูมีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้นโดยจะมาในโทนสีเหลือง- ดำ พวงมาลัยทรงหัวตัดท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมติดมาร์กสีเหลืองไว้ที่บริเวณ 12 นาฬิกา โดยจะวางอยู่ด้านหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7.1 นิ้ว ส่วนตรงกลางแผงคอนโซลหน้าจะเป็นหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 16.1 นิ้ว มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Hyper OS และชิป Qualcomm Snapdragon 8295 อีกทั้งยังมได้รับการีติดตั้งหน้าจอ HUD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 56 นิ้ว
ในด้านพละกำลังขับคลื่อนจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ V8s 2 ตัว ที่วางอยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 425 kW (578 แรงม้า) และมอเตอร์ V6s ที่อยู่คู่ล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 288 kW (392 แรงม้า) ซึ่งจะให้กำลังรวมที่มากถึง 1,139 kW หรือ 1,526 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดที่มากถึง 1,770 นิวตันเมตร
ซึ่งพละกำลังอันมหาศาลนี้จะช่วยทำให้ตัวรถนั้นมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.98 วินาที มาพร้อมระบบกระจายแรงบิด Asil-D พร้อมวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ในเวลาเพียง 9.23 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 350 กม./ชม.
อีกทั้งล่าสุดทาง Xiaomi ยังได้นำ Xiaomi SU7 Ultra ไปทดลองวิ่งทดสอบในสนาม Nürburgring โดยเจ้าซีดานตัวแรงคันนี้สามารถทำเวลาวิ่งต่อรอบอยู๋ที่ 6:46.874 นาที ซึ่งเท่ากับว่า SU7 Ultra รุ่นใหม่นี้ิจะกลายเป็นรถยนต์ซีดาน 4 ประตูที่เร็วที่สุดในสนาม Nürburgring
ในด้านชุดแบตเตอรี่จะมากับแบตเตอรี่ Qilin 2.0 ของทาง CATL ที่มีขนาดความจุ 93.7 kWh โดยสามารถปล่อยพลังงานได้มากถึง 1,330 kW หรือแม้ว่าแบตเตอรี่จะเหลือต่ำเพียง 20% ก็ยังสามารถปล่อยพลังงานได้ถึง 800 kW หรือเทียบเป็น 1,088 แรงม้า (PS) อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟ DC 5.2C ที่ให้กำลังชาร์จ 490 kW ชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ในเวลา 11 นาที โดยจะวิ่งได้ระยะทาง 620 กม. (ตามาตราฐาน CLTC)
ด้านชุดเบรกทาง Xiaomi ได้ติดตั้งชุดเบรกเซรามิกคาร์บอนไว้สำหรับหยุดรถ โดยจะเป็นชุดเบรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรถสปอร์ตจนถึงปัจจุบัน โดยจะมากับดิสก์เบรกหน้าที่มีขนาด 430 มม. x 40 มม. และดิสก์เบรกหลังที่มีขนาด 410 มม. x 32 มม. พร้อมรองรับความร้อนในขณะเบรกได้มากถึง 1,300°C (2,372°F) รวมทั้งยังมาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรกของทาง Akebono แบบ 6 ลูกสูบที่คู่ล้อหน้า และคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบที่คู่ล้อหลัง ซึ่งจะสามารถหยุด SU7 Ultra จากความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในระยะทางเพียง 30.8 เมตร
สำหรับระบบช่วงล่างของ Xiaomi SU7 Ultra สามารถเลือกได้ทั้งแบบถุงลมไฟฟ้า Dual Chamber หรือคอยล์โอเวอร์จาก Bilstein EVO T1
โดย Xiaomi SU7 Ultra พร้อมส่งมอบรถ และเริ่มวางจำหน่ายจริงในจีน เดือนมีนาคม 2025 ที่จะถึงนี้ ส่วนราคาจำหน่ายที่แท้จริงจะประกาศอีกครั้งในวันที่ลงโชว์รูม ซึ่งคาดว่าอาจจะมีราคาที่ถูกลงกว่าในช่วงเปิดราคาล่วงหน้าไว้เมื่อเดืนตุลามคมที่ผ่านมา ส่วนจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้นต้องรอลุ้นกัน
หากมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาทางทีมงาน Autostation.com จำนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกันอีกครั้งหนึ่ง
