Xiaomi แบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่ได้หันมาเอาดีด้านยานยนต์ไฟฟ้า ได้เปิดตัวประกาศราคาจำหน่าย Xiaomi SU7 Ultra ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าเวอร์ชันจำหน่ายจริง ที่ว่ากันว่าจะเป็นรถยนต์ซีดาน 4 ประตูที่เร็ว และแรงที่สุดในโลกออกมาแล้วในประเทศจีน เคาะราคาจำหน่ายเริ่มที่ 529,900 หยวน หรือประมาณ 2.48 ล้านบาท
สำหรับ Xiaomi SU7 Ultra จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบซีดานเวอร์ชันตัวแรง ที่ถุกวางตำแหน่งให้อยู่สูงกว่า Xiaomi SU7
ในด้านงานออกแบบของ SU7 Ultra ได้พัฒนาต่อยอดจาก SU7 รุ่นมาตรฐาน และยังคงยึดแนวทางมาจากในรุ่น Prototype ตัวต้นแบบ โดยตัวรถจะมากับชุดแต่งที่จะช่วยเพื่มประสิทธิภาพในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์
มาพร้อมชุดแต่งที่จะช่วยเพื่มประสิทธิภาพในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นครีบที่ปลายกันชนหน้าทั้งสองข้าง มาพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่
ส่วนที่ด้านท้ายติดตั้งปีกหลังที่ถูกผลิตขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยมีความยาวถึง 1560 มม. ซึ่งจะวางตั้งอยู่บนฝากระโปรงท้าย โดยเมื่อรวมกับดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบแอ็คทีฟแล้วจะช่วยทำให้ Xiaomi SU7 Ultra มีแรงกดมากถึง 265 กก. ช่วยทำให้รถเกาะถนนได้ดีแม้ในความเร็วสูง
นอกจากนี้ในส่วนของตัวถังยังปรับเพิ่มความกว้างของตัวรถขึ้น 7 มม. จากตัวต้นแบบ เพื่อรองรับล้อขนาด 21 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง Pirelli P Zero Elect
ในด้านขนาดมิติตัวรถของ Xiaomi SU7 Ultra จะมีความยาว 5,115 มม. กว้าง 1,970 มม. สูง 1,465 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,000 มม.
ภายในห้องโดยสารงานด้านงานออกแบบก็จะเหมือนกับในรุ่น Xiaomi SU7 แต่จะปรับให้ดูมีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น โดยจะมีให้เลือก 3 เฉดสี
พร้อมถูกตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตามส่วนต่าง ๆ มากถึง 17 จุด อาทิเช่น เบาะนั่งด้านหน้า / คอนโซลกลาง / ธรณีประตู / พวงมาลัย และหลังคา (ซึ่งมีพื้นที่ 1.7 ตารางเมตร ทำให้ลดน้ำหนักได้ 12 กก.)
ด้านเบาะที่นั่งคู่หน้าจะมากับฟังก์ชันนวด 10 จุด ตัวเบาะจะถูกหุ้มด้วยหนัง Alcantara รวมถึงพวงพวงมาลัย / แผงประตู และแผงหน้าปัด
ขณะที่ในส่วนของแผงคอนโซลหน้าจะมากับพวงมาลัยทรงหัวตัดท้ายตัด โดยมีคันเกียร์อยู่หลังพวงมาลัย พร้อมติดเซ็นเตอร์มาร์กสีเหลืองไว้ที่บริเวณ 12 นาฬิกา มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7.1 นิ้ว ส่วนตรงกลางแผงคอนโซลหน้าจะเป็นหน้าจออินโฟนเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 16.1 นิ้ว มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Hyper OS และชิป Qualcomm Snapdragon 8295 รองรับการควบคุมด้วยเสียง อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งหน้าจอ HUD ที่แสดงผลแบบเสมือนจริง โดยมีขนาดใหญ่ถึง 56 นิ้ว
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะพร้อมติดตั้งลำโพงทั่วห้องโดยสารมากถึง 25 ตัว รวมถึงลำโพงแยกกันที่เบาะนั่งคนขับ อีกทั้งยังได้รับแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 50W จำนวน 2 ตำแหน่ง
พร้อมกันนี้ในส่วนกระจกทั้ง 4 บานจะเป็นแบบสองชั้นที่ช่วยป้องกันรังสี UV ได้มากกว่า 99% และยังมีพื้นที่เก็บของใต้ฝากระโปรงของที่มีความจุมากถึง 105 ลิตร
Xiaomi SU7 Ultra จะมากับระบบขับขี่อัจฉริยะ โดยจะได้รับการติดตั้ง LiDAR 3 ตัว กล้อง 12 ตัว และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว รุ่นนี้รองรับระบบนำทางอัตโนมัติ (NOA) และระบบจอดรถอัตโนมัติ / ระบบ HAD ของ Xiaomi
ด้านพละกำลังขับคลื่อนจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ V8s 2 ตัว ที่วางอยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 425 kW (578 แรงม้า) และมอเตอร์ V6s ที่อยู่คู่ล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 288 kW (392 แรงม้า) ซึ่งจะให้กำลังรวมที่มากถึง 1,139 kW (1,526 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิดที่มากถึง 1,770 นิวตันเมตร
ซึ่งพละกำลังอันมหาศาลนี้จะช่วยทำให้ตัวรถนั้นมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.98 วินาที มาพร้อมระบบกระจายแรงบิด Asil-D และทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 350 กม./ชม.
ในด้านชุดแบตเตอรี่จะมากับแบตเตอรี่ Qilin 2.0 ของทาง CATL ที่มีขนาดความจุ 93.7 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 620 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) พร้อมรองรับการชาร์จไฟ DC 5.2C ที่ให้กำลังชาร์จ 490 kW ชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ในเวลา 11 นาที
ด้านชุดเบรกทาง Xiaomi ได้ติดตั้งชุดเบรกเซรามิกคาร์บอนไว้สำหรับหยุดรถ โดยจะเป็นชุดเบรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรถสปอร์ตจนถึงปัจจุบัน โดยจะมากับดิสก์เบรกหน้าที่มีขนาด 430 มม. x 40 มม. และดิสก์เบรกหลังที่มีขนาด 410 มม. x 32 มม. พร้อมรองรับความร้อนในขณะเบรกได้มากถึง 1,300°C (2,372°F) รวมทั้งยังมาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรกของทาง Akebono แบบ 6 ลูกสูบที่คู่ล้อหน้า และคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบที่คู่ล้อหลัง ซึ่งจะสามารถหยุด SU7 Ultra จากความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในระยะทางเพียง 30.8 เมตร
สำหรับระบบช่วงล่างของ Xiaomi SU7 Ultra สามารถเลือกได้ทั้งแบบถุงลมไฟฟ้า Dual Chamber หรือคอยล์โอเวอร์จาก Bilstein EVO T1
Xiaomi SU7 Ultra ที่เปิดตัววางจำหน่ายในจีน จะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว สีเหลือง สีเงิน และสีเขียว สำหรับราคาจำหน่ายทาง Xiaomi Auto เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 529,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 2.48 ล้านบาท