นิสสันกลับมาลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอีกครั้งในไทย ด้วยการแอบซุ่มเงียบเปิดตัวพร้อมวางจำหน่าย Nissan Leaf 2023 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ https://www.nissan.co.th ของทางบริษัท โดยในรุ่น Minorchange ใหม่นี้ จะมาพร้อมการปรับเปลี่ยนดีเทลรายละเอียดหน้าตา รววมทั้ง ออปชันภายในใหม่ ขณะที่ในด้านพละกำลังยังคงเดิมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 150 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 40 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 311 กม. มาตรฐาน NEDC เคาะราคาจำหน่ายที่ 1.59 ล้านบาท (เป็นรถนำเข้ามาจากญี่ปุ่น พร้อมกับไม่ได้เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลเพื่อรับส่วนลด)
ในด้านงานออกแบบของ Nissan Leaf 2023 แตกต่างจากรุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่าย เริ่มจาก กระจังหน้า V-Motion ปรับดีไซน์ใหม่ให้เป็นสีดำดูดุดันมากขึ้น มาพร้อมโลโก้ดีไซน์ใหม่รอบคัน ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED ที่ดูเรียวขึ้น ที่มากับระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ อีกทั้งยังมากับไฟ DRL แบบ LED และไฟตัดหมอก LED ที่อยู่ด้านล่าง
อีกทั้งยังเสริมความคมเข้มด้วยสเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลังสีดำ นอกจากนั้นยังได้รับล้ออัลลอยสีดำปัดเงาดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยาง 215/50R17, กระจกมองข้างปรับ-พับเก็บอัตโนมัติ บนหลังคาด้านบนจะได้รับเสาอากาศเสาสั้นแบบหางหนูสีดำ
ส่วนด้านท้ายมากับกันชนหลัง, สปอยเลอร์ และประตูหลังดีไซน์ใหม่ มาพร้อมโลโก้ Nissan ที่ออกแบบใหม่
ภายในห้องโดยสารจะมากับชุดอุปกรณ์ใหม่ เริ่มเบาะที่นั่งจะมีให้เลือก 2 สีคือ หนังสีดำ ตกแต่งขอบตะเข็บด้วยเส้นสายสีฟ้า และเบาะหนังสีเทาอ่อน ตกแต่งด้ายสีฟ้าเช่นกัน ในส่วนเบาะด้านหลังพับแยกแบบ 60:40 ห้องโดยสารด้านท้ายมีพื้นที่สัมภาระมากถึง 435 ลิตร สามารถพับเบาะได้เพื่อเพิ่มความจุเป็น 1,176 ลิตร
แผงแดชบอร์ดจะมากับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับได้ 4 ทิศทาง, มาตรวัดเรืองแสง Fine Vision Meter ผ่านหน้าจอ TFT, หน้าจออินโฟนเทนต์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มาพร้อมเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อม Anti-jam Protection ฝั่งผู้ขับ, กุญแจ Intelligent Key I-Key, เบรกมือไฟฟ้า E-PKB
ด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ Single Speed Gear Reduction พร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal สามารถเร่งและชะลอความเร็วในคันเร่งเดียว
ด้านชุดแบตเตอรี่จะเป็นแบบ Lithium-ion ที่มีขนาดความจุ 40 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางไกล 311 กม. ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จด้วยกระแสไฟ AC ผ่านหัวชาร์จแบบ Type 2 ผ่านเครื่องชาร์จแบบออนบอร์ดชาร์เจอร์ขนาด 6.6 kW ชาร์จไฟจาก 0 – 100% ในเวลา 6 ชม. พร้อมรองรับการชาร์จแบบ DC ผ่านหัวชาร์จ CHAdeMO
ด้านระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีการขับขี่จะได้รับ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจริยะ, ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง,ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน, ระบบเตือนจุดอับสายตา, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง และระบบช่วยป้องกันรถออกนอกช่องทางเป็นต้น
สำหรับ Nissan Leaf 2023 ไมเนอร์เชนจ์ ที่วางจำหน่ายในไทยจะมีเฉดสีตะัวถังให้เลือกทั้งแบบโมโนโทน และทูโทนหลังดำ โดยจะมีทั้งหมด 9 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black, สีเงิน Brilliant Silver, สีเทา Dark Metal Grey, สีแดง Garnet Red, สีน้ำเงิน Aurora Flare Blue Pearl
สีขาว White Pearl / หลังคาดำ Super Black, สีแดง Burgundy Red / หลังคาดำ Super Black, สีน้ำเงิน Vivid Blue / หลังคาดำ Super Black และสีชมพู Opera Move / หลังคาดำ Super Black
ด้านราคาจำหน่ายของ Nissan Leaf 2023 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ทาง Nissan ประเทศไทยเปิดราคาจำหน่ายไว้ที่ 1,590,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ Lithium-ion 40 kWh นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. และรับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปี หรือ 100,000 กม.