Nissan Qashqai เป็นหนึ่งในรถ SUV ขนาดตัวถังแบบ C-Segment ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากยื่งเฉพาะในตลาดยุโรป โดยเวอร์ชั่นล่าสุดของเอสยูวีครอสโอเวอร์รุ่นเล็ก ที่รองมาจาก X-Trail ได้เดินทางมาถึงเจอเนอเรชันที่ 3 แล้ว
โดยล่าสุดทางนิสสันก็ได้เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ปรับโฉมใหม่ของ Qashqai ในตลาดยุโรปแล้ว ซึ่งในการปรับโฉมใหม่นี้ จะมาพร้อมกับดีไซน์ที่เน้นความโฉบเฉี่ยว และทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ด้านหน้าถูกดีไซน์ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของกระจังหน้าโครเมียมแบบ V-Motion ได้ถูกถอดออก เปลี่ยนมาเป็นกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ ที่วางเต็มพื้นที่ส่วนหน้ารถ ที่เหมือนกับได้รับกลิ่นอายมาจาก Ariya รถเอสยูวีไฟฟ้า
ซึ่งทาง Nissan เผยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อเกราะญี่ปุ่นโบราณของทหาร โดยจะมากับไฟหน้าแบบซ่อนกลืนไปกับตัวกระจัง มาพร้อมไฟ LED DRL ที่ออกแแบบเป็นเส้นแบบบางเฉียบวางอยู่ใต้ขอบฝากระโปรงหน้า อีกทั้งยังเสริมลุคใหม่ให้ดูสปอร์ต และดุดันด้วยกันชนหน้าแบบใหม่
มาพร้อมกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นเดิม เสริมเติมแต่งที่กาบประตูข้างด้วยแถบวัสดุสีดำเงา ที่ช่วยเพิ่มลุคให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ตัวรถมาในแบบสีทูโทนโดยตั้งแต่เสา A, B ไปจนถึงเสา C ด้านท้าย รวมทั้งหลังคาทั้งหมดจะมาในโทนดำ
ขณะที่ด้านชุดล้ออัลลอยจะมีขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่นเกรดท็อปจะขยับขนาดเพิ่มเป็น 19 และ 20 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์แบบบูมเมอแรงอันเป็นเอกลักษณ์
ภายในห้องโดยสารของ Qashqai รุ่นไมเนอร์เชจน์ใหม่ ด้านดีเทลไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ แผงแดชบอร์ดยังคงมากับหน้าจออินโฟรเทนเมนต์ NissanConnect Display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto มาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วแบบใหม่รวมทั้งยังมากับหน้าจอ HUD ที่จะแสดงผลสะท้อนขึ้นไปยังกระจกบังลมหน้าที่มีขนาด 10.8 นิ้ว
นอกจากนี้ยังได้รับพอร์ต USB Type C 2 ช่อง ที่อยู่ภายในกล่องเก็บสัมภาระที่คอนโซลกลาง, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย และชุดไฟ Ambient Lighting ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีตามความต้องการของผู้โดยสารได้
เบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยหนัง Alcantara และหนังสังเคราะห์สีดำ ส่วนที่เท้าแบนบระหว่างเบาะคู่หน้าจะถูกหุ้มด้วหนัง Alcantara สีดำ
ส่วนที่ปรับเพิ่มเติมขึ้นมาจากรุ่นเดิมของ Nissan Qashqai ไมเนอร์เชนจ์ จะเป็นนิสสันรุ่นแรกในยุโรป ที่มีการติดตั้งระบบ Google built-in เข้ากับระบบ Nissan Connect ที่รองรับทั้งฟีเจอร์ Google Maps, รองรับคำสั่งเสียง Google Assistant ที่เริ่มต้นพูดด้วยคำว่า “Hey Google” เพื่อตั้งค่าระบบปรับอากาศ ระบบอุ่นเบาะ ระบบนำทาง และอื่นๆ ได้มากมาย
รวมทั้งยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติมผ่าน Google Play พร้อมทั้งมีระบบ Nissan Connected Services เพื่อสั่งงานตัวรถระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน เช่น การล็อก-ปลดล็อกประตู, เปิด-ปิดกระจกหน้าต่าง และเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก
นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงอัปเกรดในส่วนของกล้องมองภาพรอบคัน Around View Monitor (AVM) ให้มีความคมชัดมากขึ้น พร้อมฟังก์ชัน 3D ที่สามารถแสดงภาพตัวรถภายนอกได้ถึง 8 มุม อีกทั้งยังได้รับฟีเจอร์ “Invisible Hood View” ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นจุดอับสายตาบริเวณฝากระโปรงด้านหน้าอีกด้วย
นอกจากนี้ Qashqai ใหม่ยังได้รับการปรับปรุงระบบการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบตรวจจับป้ายจราจรใหม่ ซึ่งใช้ข้อมูลจาก GPS และสามารถอ่านได้เร็วขึ้น รวมถึงส่งเสียงเตือนเมื่อผู้ขับขี่ขับเร็วกว่าที่ป้ายกำหนด, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ที่สามารถตรวจจับวัตถุภายนอกได้อย่างละเอียดแม่นยำและตอบสนองรวดเร็วกว่าเดิม และระบบ Driver Assist Custom Mode ให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งได้อย่างอิสระว่าจะให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใด เข้ามาช่วยจัดการอะไรบ้าง และในระดับไหน
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Nissan Qashqai 2025 ในตลาดยุโรปจะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Mild-hybrid 48 Volt ที่มีพละกำลังให้เลือก 2 รุ่น คือ 140 แรงม้า และ 160 แรงม้า และขุมพลัง e-POWER ที่มากับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ทำหน้าปั่นไฟ ไปเก็บยังแบตเตอรี่ขนาด 1.8 kWh โดยจะมีมอเอตร์ไฟฟ้าทำหน้าที่หมุนล้อโดยให้กำลังสูงุสดที่ 140 kW หรือ 190 แรงม้า
ด้านระบบขับเคลื่อนสำหรับ Qashqai เวอร์ชั่นยุโรป จะมีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนสเปคออสเตรเลียจะมีเพียงขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น
สำหรับราคาจำหน่ายยังไม่มีการเปิดเผยออกมา เพียงแต่บอกว่า Nissan Qashqai รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่นี้จะถูกผลิตขึ้นที่ในโรงงานเมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ โดยจะเริ่มลงวางจำหน่ายในยุโรปเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะบินไปวางขายที่ออสเตรเลียช่วงปลายปี 2024 ส่วนในบ้านเรานั้นคงได้แต่มองเท่านั้น