Nissan Serena มินิแวนใหม่ในญี่ปุ่น เจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มีให้เลือกทั้งขุมพลังไฮบริด และขุมพลังเครื่องยนต์ ICE มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพิ่มขึ้น และออกแบบพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง เพื่อแข่งขันกับ Toyota Noah/Voxy และ Honda Step WGN e เปิดราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นเริ่ม 7.11 แสนบาท
รถมินิแวนยังคงรถยนต์นั่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งในญี่ปุ่น โดยล่าสุดทาง Nissan ได้เปิดตัว Nissan Serena 2023 รถยนต์นั่งในรูปแบบมินิแวนรุ่นใหม่ โดยในรุ่นนี้นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 6 นับตั้งแต่เปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1991
สำหรับในรุ่นใหม่นี้ใช้ภาษาการออกแบบล่าสุดของนิสสันยังคงโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง V-motion อันเป็นเอกลักษณ์ของทาง Nissan ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED ที่เป็นชุดไฟส่องสว่างเรียงเป็นแถว 3 ด้วย โดยมีไฟ DRL ที่เป็นเส้นววางอยู่ด้านบนสุด ขณะที่ในส่วนกันชนหน้ามาพร้อมกับช่องรับอากาศขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้รับกับตัวกระจังหน้าอย่างสวยงาม มาพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมที่ฝังไว้ที่ด้านข้าง
ในขณะตัวรถยังคงรักษารูปทรงกล่องตามแบบฉบับของรถมินิแวน ส่วนเส้นสายด้านข้างนั้นดูเรียบหรูมาพร้อมล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว
ด้านท้ายเป็นแนวตั้งตรงพร้อมติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ มาพร้อมไฟท้าย LED ที่ออกแบบให้เป็นเส้นแนวตั้ง เชื่อมต่อชุดไฟท้ายทั้ง 2 ฝั่งด้วยแถบโครเมียมมาพร้อมชื่อรุ่น SERENA ที่อยู่ด้านบนและโลโก้ของทาง Nissan
ในด้านการตกแต่ง Nissan Serena 2023 รถมินิแวนใหม่จะมีให้เลือก 2 แบบ โดยการตกแต่งจะแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Serena Luxion ตัวท๊อปจะมาพร้อมกับกันชนและสเกิร์ตข้างที่เด่นชัดยิ่งขึ้น โดยมีกระจังหน้าผสานกับช่องไอดีด้านล่าง สำหรับผู้ที่ต้องการความสปอร์ตและพรีเมียมยิ่งขึ้น ก็มีรุ่น Autech ที่จะได้รับการตกแต่งภายนอกด้วยโครเมียม
ด้านมิติตัวถังมีการปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีความยาว 4,765 / 4,690 มม. ความกว้าง 1,695 / 1,715 มม. ความสูง 1,870 /1,895 มม. ส่วนระยะฐานล้อจะมีความยาวอยู่ที่ 2,870 มม.
ด้านภายในห้องโดยสาร ที่นักออกแบบและวิศวกรของ Nissan ได้ปรับความกว้างของภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางมากขึ้น โดยมีพื้นที่วางขาของคนขับเพิ่มขึ้น 120 มม. (4.7 นิ้ว) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
นอกจากนั้นโดยทางผู้ผลิตรถยนต์เผยว่า Serena ใหม่นี้ จะมีห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่มรถมินิแวน” และมาพร้อมกับกระจกบังลมที่กว้างที่สุด เพื่อลดอาการเมารถ อีกทั้งยังออกแบบในส่วนเบาะที่นั่งแบบใหม่ที่ช่วยลดการเคลื่อนไหว รวมถึงกปรับปรุงฉนวนกันเสียง ติดตั้งพวงมาลัยที่ระบบ e-Power รุ่นที่สอง
ขณะที่ตัวเบาะนั่งอเนกประสงค์ตรงกลางแถวที่ 2 จะสามารถปรับเปลี่ยนจาก 7 ที่นั่งเป็น 8 ที่นั่งได้ รวมทั้งยังสามารถเลื่อนได้อีกด้วย อีกทั้งผู้โดยสารแต่ละที่นั่งจะมีช่องใส่สมาร์ทโฟน, ที่วางแก้ว พร้อมพอร์ต USB ให้ทุกที่นั่ง นอกจากนั้นตัวรถยังาพร้อมกับระบบ Wi-Fi
ด้านการออกแบบแผงแดชบอร์ดถูกปรับให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น มาพร้อมหน้าจอมาตรวัดขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกับหน้าจออินโฟนเมนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เช่นกัน พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันทรง 3 ก้าน
ในส่วนปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศจะเป็นแบบสัมผัส ที่ติดตั้งอยู่ที่คอนโซลกลางที่เป็นแบบลอยตัวยกติดอยู่กับคอนโซลหน้า โดยมาพร้อมกับปุ่มเกียร์อัตโนมัติแบบกดปุ่ม มาพร้อมกับระบบ ProPILOT 2.0 หรือระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติ
รถมินิแวนรุ่นใหม่นี้ยังติดตั้งประตูเลื่อนแบบแฮนด์ฟรีและประตูท้ายคู่ เพื่อการขนถ่ายที่ง่ายขึ้นในพื้นที่จำกัด ส่วนในรุ่นไฮบริดจะได้รับการติดตั้งปลั๊กไฟ 100v AC (1,500 วัตต์) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมได้
ด้านพละกำลังของ Nissan Serena 2023 จะมีขุมพลังให้เลือกทั้งระบบไฮบริดที่มากับเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.4 ลิตร ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่ให้กำลัง 161 แรงม้า มาพร้อมแรงบิด 315 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมีรุ่น ICE ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 148 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร
โดยทั้ง 2 รูปแบบ จะถูกส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT โดยในรุ่นเครื่องยนต์ ICE จะมีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ มาในรูปแบบ FWD และ 4WD ขณะที่ในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดจะมีเฉพาะในรุ่น FWD เท่านั้น
สำหรับ Nissan Serena 2023 ใหม่ ในตลาดแดนอาทิตย์อุทัย ในรุ่นเริ่มต้นที่ขับเคลื่อนด้วย ICE จะมีราคาจำหน่ายเริ่มที่ 2,768,700 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 7.11 แสนบาท ส่วนในรุ่นเรือธง e-Power Luxion ไฮบริด จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,798,200 เยน หรือประมาณ 1.23 ล้านบาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)
