ต่อเนื่องจากทริป Trip to Do Good for Community with New! Isuzu ที่เราได้เล่าถึงกิจกรรมขับรถเที่ยวเรียนรู้วิถีชาวบ้าน และมอบควาสุขให้กับน้องๆ ที่โรงเรียนบ้านห้วยหินลาดใน จ.เชียงรายไปแล้ว
ในบทความนี้ จะมาพูดถึงสมรรถนะการขับขี่ของ Isuzu D-Max V-Cross 4×4 ใหม่ ที่พึ่งเปิดไปในเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งมาพร้อมนิยามใหม่ “Unlock Your Potential เหนือลิมิต…พิชิตโลก” หลังจากที่ได้ไปลองสัมผัสมาแล้ว บนเส้นทางที่ต้องบอกว่ามีครบทุกอรรถรส ทั้งขึ้นเขา – ลงเขา , ขับในเมือง , เล่นโค้งที่แม่ริม และลุย Off-Road ที่เวียงป่าเป้า งานนี้จะเหนือลิมิตจริงหรือเปล่า? เดี๊ยวก็รู้!!
สำหรับข้อมูลทุกรุ่นย่อยของ New Isuzu D-Max 2023 (ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์) Unlock Your Potential เหนือลิมิต…พิชิตโลก สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
NEW ISUZU D-MAX 2023 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ปรับโฉมใหม่ ราคาเริ่ม 5.4 แสนบาท
โดยทริปนี้เราจะพาไปเจาะลึกเฉพาะ Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi M 4 Doors A/T ซึ่งถือเป็นรุ่นท็อปสุดของรถกระบะ Isuzu ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ และอัปเกรดอุปกรณ์มาตรฐานเข้ามาหลายรายการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
ดีไซน์ภายนอก
- ไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วย ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว
- กระจังหน้าแบบ 3-Dimension สีเทาดำ และ Black Chrome
- Air Curtain ที่กันชนหน้า นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับรถสปอร์ตหรู
- ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED สัญลักษณ์ใหม่แห่งความโดดเด่น
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Rugged & Wild สี Matte Black เท่ แกร่ง ดุดัน
ดีไซน์ภายใน
- เบาะดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ฝั่งคนขับ
- Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็ว ทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง
- หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย
- หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน
- ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
- ระบบ Rough Terrain Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้ง 2 และ 4 ล้อ ด้วยการควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว
- ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
แม้ว่าขุมพลังเครื่องยนต์ และระบบช่วงล่างจะไม่ได้มีการอัปเกรดใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าของเดิมมันก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ซึ่งเครื่องยนต์ตัวท็อปของ Isuzu ก็ถือเป็นบล็อคดีเซลที่ใหญ่ที่สุดที่มีขาย ณ เวลานี้ในตลาดรถกระบะบ้านเรา กับรหัสคุ้นหู 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร Ddi Blue Power แบบ VGS Turbo กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
สัมผัสแรกกับการขับขี่ในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือทัศนวิสัยในการมองเห็นที่กว้าง และไกลตามสไตล์รถยกสูงขับสี่ อีกทั้ง V-Cross โฉมใหม่นี้ ยังมาพร้อมกับหน้าจอที่เชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ได้แบบไร้สาย ทำให้การเชื่อมต่อโทรศัพท์เพื่อฟังเพลง หรือเปิด Google Map นำทางทำได้ง่ายดาย ไม่ต้องวุ่นวายหาสายมาเสียบ รวมไปถึงกุญแจรีโมทที่มีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อเปิดแอร์ไว้ให้ก่อนจะขึ้นรถ ผสานกับเบาะนั่งเทคโนโลยี Cool Max ทำให้ทุกครั้งที่ขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยไม่หัวร้อน แม้ในตัวเมืองเชียงใหม่จะรถติดไม่ต่างจากกรุงเทพเลยก็ตาม
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือการมาของระบบ ADAS ด้วย 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน ที่ครั้งนี้ Isuzu ใส่มาให้ครบ การทำงานมีประสิทธิภาพ ไว้ใจได้ ใครบอกขับกระบะแล้วไม่สบาย ลืมไปได้เลย
ได้ลองช่วงล่างยาวๆ กับโค้งที่แม่ริม เส้นทางที่ใช้มุ่งสู่ จ.เชียงราย ซึ่งบอกเลยว่าเส้นนี้ก็ปราบเซียนไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเส้นทาง แต่จากที่ได้สัมผัส โดยภาพรวมแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกว๊าวกับระบบช่วงล่างของ D-Max V-Cross มากนัก แต่ก็ไม่ได้นั่งแล้วเวียนหัว อาการโยน และโคลงเคลงพอมีให้รู้สึกบ้างตามสไตล์รถยกสูงหากเข้าด้วยความเร็วที่เกินลิมิต แต่ถ้าไปแบบเรื่อยๆ สไตล์รถบ้านขับใช้งานทั่วๆ ไป ยังไงก็เอาอยู่
แต่โชคดีที่ทริปนี้เราไปกันหลายคัน ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ขบวนขับไปนั้นไม่ค่อยมีรถสักเท่าไหร่ เลยตัดโค้งกันสนุกสนาน แถมได้ลองฟิลลิ่งช่วงล่างแบบจะแจ้ง สรุปคือ ถ้าเข้าแรงๆ ต้องใช้สกิลในการคุมรถนิดนึง แต่ถ้าเข้าแบบปลอดภัย นั่งสบาย ไม่เวียนหัว คอนเฟิร์ม!!
จะขับแต่ทางเรียบมันก็คงจะไม่คุ้มค่าที่เอาตัวท็อป V-Cross 4×4 มาให้ลอง ทริปนี้ Isuzu เลยพาไปบุกทาง Off-Road กันที่เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยมีเป้าหมายคือขึ้นไปช่วยสร้างถนนให้กับชุมชนบ้านหินลาดใน ซึ่งต้องมีการบรรทุก หิน ปูน ทราย ขึ้นไปเต็มกระบะด้วย งานนี้แหละ V-Cross จะได้ฉายแสงแล้ว
สำหรับเส้นทาง Off-Road จังหวะที่ไปดินค่อนข้างแข็ง โชคดีที่ไม่มีฝน เพราะถ้าตกลงมาน่าจะสนุกไม่น้อย เส้นทางอาจจะไม่ได้ยากมากเกินกำลังของตัวรถ แต่พอได้ขึ้นไปกับ Isuzu D-Max V-Cross 4×4 แล้วรู้เลยว่ามันไปได้ชิลๆ และสบายมากๆ เพราะมีระบบ Rough Terrain Mode สามารถควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว ทั้งโหมด 2H และ 4H
ซึ่งเมื่อคุณใช้โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H ตัวรถจะกระจายกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ผสานกับการทำงานของ Rough Terrain Mode ที่จะคำนวณอยู่ตลอดเวลา ว่าล้อไหนต้องการกำลังมากหรือน้อยกว่า ซึ่งมันจะเข้าไปจัดการให้เราเองโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถดูองศามุมปีนไต่ การลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ได้จากหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และจออินโฟเทนเมนท์ได้ทั้งหมด จึงทำให้การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดเป็นเรื่องที่ง่ายได้เหมือนปลอกกล้วย แค่บังคับพวงมาลัยให้ตรงไลน์ เดินคันเร่งเนียนๆ ที่เหลือปล่อยให้ระบบของตัวรถมันจัดการ รับรองว่ามือใหม่ที่ไม่เคยขับ Off-Road มาก่อนก็สามารถไปได้
เอาจริงๆ หลายคนอาจจะบอกว่า แต่ระบบ Off-Road ของคู่แข่ง เดี๊ยวนี้มีโหมดแยกมาให้เยอะเยอะมากมายเลยนะ อันนี้ไม่เถียง แต่ถ้าจะให้พูดแบบตรงไปตรงมาเลยนะ โหมดที่มีให้มันช่วยในเรื่องของการปรับอัตราทด การส่งกำลัง ซึ่งที่พูดมาเนี่ย Rough Terrain Mode มันก็จัดการให้อัตโนมัติแล้วไง ไม่ต้องไปหมุนอะไรให้วุ่นวายหรอก เพียงแต่มันไม่เท่เหมือนแบรนด์อื่นก็เท่านั้นเอง ที่ต้องมาจอดบิดก่อน เดี๊ยวไปรู้ว่าจะไปด้วยโหมดอะไร
ซึ่งคนขับออฟโรดจริงๆ ขอแค่มีขับ 4 แบบ 4H และ 4L กับ Dift-Lock สักชุด ยังไงก็ไปได้ เชื่อสิ ไม่ต้องมีโหมดอะไรหร๊อกกกกกกก
บทสรุป
ก็ต้องพูดกันตามตรงว่า Isuzu D-Max V-Cross 4×4 อาจไม่ใช่รุ่นที่ขายดีของ Isuzu เพราะสุดท้ายแล้วตัวขายจริงๆ ก็หนีไม่พ้น 4 ประตูตัวเตี้ย ที่สายคอก สายซิ่ง และวัยรุ่นสร้างตัวต้องมีไว้ขิง
แต่ Isuzu D-Max V-Cross 4×4 ก็เป็นกระบะรุ่นท็อปที่น่าสนใจไม่น้อย หากคุณเน้นใช้งานทั่วๆ ไป มองหาความประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ทนทาน ศูนย์บริการเพียบพร้อม มีความสะดวกสบายภายในไม่ต่างจากรถยนต์นั่งระดับหรู แถมยังลุยหนักได้แบบไร้กังวล แค่ Isuzu เขาไม่ได้โชว์จุดขายด้าน Off-Road เหมือนกับคู่แข่งก็เท่านั้นเอง!!
