Mazda กระตุ้นตลาดรถกระบะเมืองไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Mazda BT-50 2025 ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ใหม่ในสไตล์แบบรถเอสยูวี DNA ของ KODO Design ของ Mazda อย่างเต็มเปี่ยม มาพร้อมขุมพลังใหม่ 2.2 ลิตร Turbo สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัด และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น
สำหรับ Mazda BT-50 2025 มีการปรับเหลือ 4 รุ่นย่อย โดยแบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร Turbo จำนวน 2 รุ่น และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 Turbo จำนวน 2 รุ่น ซึ่งมีราคาจำหน่ายดังนี้
Freestyle Cab 2 ประตู
- Hi-Racer 2.2 XS 6MT ราคา 762,000 บาท
Double Cab 4 ประตู
- Hi-Racer 2.2 XT 6AT ราคา 992,000 บาท
- Hi-Racer 3.0 XTR 6AT ราคา 1,242,000 บาท
- 3.0 XTR 6AT 4×4 ราคา 1,352,000 บาท
คุณสมบัติพื้นฐานของรุ่น Mazda BT-50 FSC 2.2 XS Hi-Racer 6MT
- เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
- ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว สีดำ
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และไฟท้ายแบบ LED
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp)
- เบาะผ้าสีดำ
- เบาะนั่งด้านหน้า ฝั่งคนขับและผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ Monochrome ขนาด 3.5 นิ้ว
- การตรวจสอบการเอียงของรถและมุมองศาของล้อ (Vehicle Tilt & Wheel Angles)
- พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ระบบเครื่องเสียง พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว
- รองรับ Apple CarPlay® แบบไร้สาย และระบบ Android™
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- กล้องมองหลัง
- ไฟตัดหมอกแบบ LED
- ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
คุณสมบัติพื้นฐานของรุ่น Mazda BT-50 DBL 2.2 XT Hi-Racer 8AT
(เพิ่มเติมจากรุ่น FSC 2.2 XS Hi-Racer 6MT)
- เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีเงิน
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และไฟท้ายแบบ LED
- ไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature
- บันไดข้างสีเงิน
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift)
- ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้า แบบอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว และระบบปรับและพับไฟฟ้า
- เบาะนั่งด้านหน้า ฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ระบบเครื่องเสียง พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- กล้องมองหลัง
- ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry)
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button)
- กุญแจนิรภัย (Immobilizer) พร้อมสัญญาณกันขโมย (Burglar Alarm)
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- DSC: ระบบควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ
- TCS: ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
- HLA: ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน
- HDC: ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
คุณสมบัติพื้นฐานของรุ่น Mazda BT-50 DBL 3.0 XTR Hi-Racer 6AT
(เพิ่มเติมจากรุ่น DBL 2.2 XT Hi-Racer 8AT)
- เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีดำ (Matte Black)
- คิ้วกันชนหน้า, คิ้วตกแต่งกระจังหน้า, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ และสไตล์ลิ่งบาร์ สีดำเงา
- พื้นปูกระบะ และราวหลังคา
- เบาะผ้าสีดำ-หนังสีส้ม Terracotta
- เบาะนั่งคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง
- Lumbar Support
- เพดานหลังคาสีดำ
- ระบบปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ Dual Zone
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท (Remote Engine Start)
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- ระบบเซ็นเซอร์ ด้านหน้าและด้านหลังรวม 8 จุด
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC แบบ Stop & Go
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
- ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ AEB
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDW
- ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM
- ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็ว MSL
คุณสมบัติพื้นฐานของรุ่น Mazda BT-50 DBL 3.0 XTR 4×4 6AT
(เพิ่มเติมจากรุ่น DBL 3.0 XTR Hi-Racer 6AT)
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
- ระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย
- โหมดการขับขี่แบบ Off Road (Rough Terrain Mode)
สำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นอกเหนือไปจากอัปเกรดอุปกรณ์มาตรฐาน ปรับลดรุ่นย่อย และยกระดับดีไซน์ให้มาในสไตล์ SUV แล้ว หัวใจสำคัญก็คือการมาของเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร Turbo ใหม่ รหัส RZ4F-TC ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแรงดันสูง 250 MPa ผ่านราง Commonrail พร้อม Intercooler พ่วงระบบอัดอากาศ E-VGS Turbo (ควบคุมไฟฟ้า) กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะใหม่ พร้อมโหมด +/- REV Tronic และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนคงทราบกันดีว่า เป็นเครื่องยนต์ 2.2Ddi Max Force ที่ยกมาจาก Isuzu D-Max ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสมรรถนะที่เหนือกว่าในรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 ลิตรเดิม (เลิกขายรุ่นย่อย 1.9 ไปแล้ว) และมีอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย โดยมีพละกำลังเพิ่มขึ้น +13 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น +50 นิวตันเมตร มาในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าเดิม (ขณะออกตัว ที่ 1,000 รอบ/นาที)
หลังจากที่ได้ไปสัมผัส ก็ต้องบอกว่าในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ไม่มีจุดไหนติดใจ เหมือนขับอยู่ใน Isuzu D-Max 2.2Ddi Max Force อย่างไงอย่างนั้น แต่ที่ต้องชื่นชมเลยก็คือชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ ที่เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวล และสมูทกว่า 6 สปีดเดิมมากๆ เมื่อมาอยู่ในร่างของกระบะ Mazda BT-50 2025 มันทำให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับอยู่ในรถ SUV มากขึ้นอย่างชัดเจน
และที่สำคัญในเรื่องของภาพลักษณ์ ดูเหมือนว่า Mazda BT-50 2025 จะมีภาพลักษณ์ที่หรูหรา และพรีเมียมกว่า สามารถขับใช้งานในเมืองได้อย่างไม่เคอะเขิล และในรุ่น 4×4 ก็สามารถนำไปตกแต่งต่อยอด หรือเอาไปลุยได้แบบไร้กังวล
แม้ว่าราคาค่าตัวอาจจะแพงกว่าคู่แข่งร่วมแพลตฟอร์มเล็กน้อย แต่ถ้าใครที่อยากได้รถกระบะที่แตกต่าง ภาพลักษณ์โดดเด่น และมีสไตล์ของตัวเองอย่างชัดเจน ยังไงซะ Mazda BT-50 2025 ก็ถือว่าเป็นรถกระบะที่ดีไซน์สวยโดนใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน พิสูจน์มาแล้วผ่านยอดขายในรถ SUV ในตระกูล CX แถมยังไม่ต้องกังวลกับคุณภาพของเครื่องยนต์ เพราะใช้แพลตฟอร์มเดียวกับเบอร์หนึ่งตลาดรถกระบะในไทย