Nissan จัดทริปลายฝนต้นหนาว กับกิจกรรม “Waycation: ขับสนุกตามแสงตะวัน” เดินทางในเส้นทางเดียวกันกับที่พระอาทิตย์โคจรจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ด้วยรถยนต์สองรุ่นยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ “Nissan Kicks e-Power” ที่ให้ฟีลการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องรอชาร์จไฟ และ “Nissan Almera 2024“ ที่แรงด้วยสมรรถนะ มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน บนเส้นทางที่สวยงาม มีจุดเช็คอินสุดเก๋ตลอดระยะทางกว่า 950 กิโลเมตร จากชายแดนไทยในจังหวัดนครพนมสู่ชายแดนฝั่งตะวันตก ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
โดยทีมงาน Autostation.com ถูกเชิญให้ประเดิมในทริปแรก เดินทางจากจังหวัดนครพนม มุ่งหน้าสู่จังหวัดขอนแก่น โดยใช้เส้นทางทดสอบสุดท้าทาย ณ โค้งปิ้งงู ซึ่งทริปนี้ถูกจัดให้ได้ขับ Nissan Almera 2024 ในรุ่น V ส่วน City Car ขุมพลัง 1.0 Turbo จะมีสมรรถนะการขับขี่ในการเดินทางไกล ขึ้นเขา-ลงเขา เป็นอย่างไรบ้าง? ไปติดตามกัน
สำหรับ Nissan Almera MY2024 นั้น เปิดตัวมาในช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ด้วยเบาะโควเล่ โมดูเร่ (Quole Modure) ที่ช่วยสะท้อนความร้อน แท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger และเพิ่มระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมระบบล็อก และปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้หรืออกห่างจากตัวรถทั้งในรุ่น V และ VL
ซึ่งเราได้ทำการรีวิวไปแล้ว เพื่อนๆ สามารถรับชม VDO รีวิว จากลิงค์ด้านล่างได้เลย
สำหรับจุดเด่นของ Nissan Almera 2024 ต้องยอมรับว่า ในเรื่องของขุมพลัง Almera ก็ยังคงโดดเด่นเป็นเบอร์ต้นๆ ของรถในกลุ่ม City Car ที่มีขายในบ้านเรา ณ เวลานี้ กับเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร Turbo ที่มาพร้อมพละกำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 152 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ Xtronic CVT มอบอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 23.3 กม./ลิตร
นอกเหนือจากความโดดเด่นของขุมพลังแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้ Nissan Almera 2024 ขับสนุก และปลอดภัยมากกว่า ก็คือ ฟีเจอร์ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ 360° SAFETY SHIELD ที่ใส่มาให้ครบแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ HBA
- เระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง LDW
- ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย RCTA
- ระบบกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง IAVM
- ระบบตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลเคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน MOD
- ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า IFCW
- ระบบเตือนจุดอับสายตา BSW
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
ซึ่งทั้ง 2 นี้ ทำให้ Nissan Almera 2024 มีความโดดเด่น และคุ้มค่า คุ้มราคา เมื่อนำมาเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน และเป็นไฮไลท์ที่ทำให้การเดินทางในทริปนี้สนุก และปลอดภัยไว้ใจได้
สำหรับการเดินทางในทริปนี้ จะเป็นการขับเดินทางไกล และใช้ความเร็วค่อนข้างสูง ในส่วนของอัตราเร่ง ต้องบอกว่า Nissan Almera 2024 มีอัตราเร่ง และการตอบสนองที่ฉับไว เร่งแซงได้ทันใจ ไม่รอรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะการดันขึ้นเนินบนโค้งปิ้งงู ที่เป็นถนนแบบ 2 เลนสวน ซึ่งปกติแล้ว รถในกลุ่ม Eco Car หรือ City Car เครื่องเล็ก การจะแซงในเส้นทางแบบนี้ จำเป็นต้องเผื่อระยะพอสมควร หรืออาจจะต้องใช้ระยะในการเดินคันเร่งส่งขึ้นเนินมาแต่ไกล แต่กลับ Nissan Almera ไม่เป็นอย่างนั้น คุณสามารถกด Kick Down เร่งแซงขึ้นไปได้เลย เพราะตัวเกียร์ CVT ค่อนข้างอัจฉริยะ จะมีการทดรอบ และมอบแรงบิดให้ได้ใช้ในทันที แถมแรงบิดที่ให้มายังเป็นแบบ Flat Torque ซึ่งสามารถลากรอบได้ กำลังไม่ตก
ฉะนั้น หากใครกำลังมองหารถยนต์สัก 1 คัน ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการขับในเมือง หรือเดินทางออกต่างจังหวัด Nissan Almera 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ของคุณได้แน่นอน
ส่วนในเรื่องของ Handling และการควบคุม แม้ว่าเส้นทางทดสอบจะคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาสลับกับทางขึ้นและทางลงเขาตลอดเส้นทาง แต่จากการเดินนั่งหลังพวงมาลัย Nissan Almera และนั่งเป็นผู้โดยสารตอนหน้า ต้องบอกว่าช่วงล่างนุ่มนวล นั่งสบาย อาการโคลงเคลงมีอยู่บ้างแต่ถือว่าน้อยมาก นั่งแล้วไม่เวียนหัว เมาโค้ง
แต่ถ้าจะให้เฟิร์ม เข้าสนุก มุดมันส์ แม่นยำขั้นสุด จุดนี้มองว่าคุณอาจจะต้องไปเปลี่ยนยางที่รองรับกับการขับขี่ที่สปอร์ต และลดขนาดแก้มยางลงเล็กน้อย หรืออาจจะไปเซ็ตติ้งค่า K สปริงใหม่ให้แข็งขึ้นอีกนิด เพราะว่าไซส์ยางติดรถที่ให้มาค่อนข้างหนา เน้นนุ่ม ซับแรงกระแทกได้ดี แต่เข้าโค้ง หรือขับด้วยความเร็วสูง มีร่อนๆ อาการออกอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าขับช้าๆ ไปกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว ไม่เน้นซิ่ง บอกเลยว่าเส้นทางโหดๆ แบบนี้ Nissan Almera เอาอยู่แน่นอน ลองมาให้แล้ว
สุดท้ายคือเรื่องของอัตราการกินน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เขียนก็เคยได้ทดสอบ รีวิว Nissan Almera มาแล้วหลายต่อหลายรอบ ทุกครั้งที่ขับในเมือง อัตราการกินน้ำมันจะอยู่ที่ 19 – 20 กม./ลิตร อยู่แล้ว ส่วนทริปนี้ค่อนข้างที่จะใช้ความเร็วสูง เดินทาง 120 กม./ชม. แช่ยาวๆ รวมถึงจังหวะเร่งแซงทั้งขึ้นเขา-ลงเขา แต่อัตราการกินน้ำมันที่โชว์บนหน้าจอก็ยังทำได้ที่ 17.5 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้เหมือนกัน
ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะใกล้ไกล คดเคี้ยว แค่ไหน Nissan Almera ยังคงให้ความสะดวกสบาย ด้วยพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย พร้อมพื้นที่บรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ตอบรับทุกรูปแบบของการใช้งาน เสริมความสะดวกของการติดต่อสื่อสารได้โดยไม่มีการหยุดชะงักด้วย Wireless Charger และ NissanConnect ระบบอินโฟเทนเมนต์อัจฉริยะ ที่พร้อมสร้างความบันเทิง ด้วยการรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay
โดยภาพรวมก็ต้องบอกว่า เป็นอีกครั้งที่ได้ทดลองขับ Nissan Almera แต่ทุกครั้งก็ยังคงยืนยันว่า City Car คันนี้ มันคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่มในด้านใดด้านหนึ่ง แต่โดยองค์รวมเทียบกับคู่แข่งทุกคันในราคาระดับเดียวกัน ไม่มีรุ่นไหนน่าสนใจไปกว่า Nissan Almera อีกแล้ว
ราคาจำหน่ายราคา Nissan Almera MY2024
- Nissan Almera MY24 รุ่น E ราคา 549,000 บาท
- Nissan Almera MY24 รุ่น EL ราคา 589,000 บาท
- Nissan Almera MY24 รุ่น V ราคา 669,000 บาท
- Nissan Almera MY24 รุ่น VL ราคา 699,000 บาท