Toyota Hilux REVO GR Sport รถกระบะที่หลายคนคาดหวัง และรอคอยให้มาต่อกรกับ Ford Ranger Raptor แต่ทว่าความตั้งใจจริงของ Toyota ไม่ได้มองเช่นนั้น หากแต่ต้องการให้รถกระบะตัวท็อปรุ่นใหม่นี้ มีความสปอร์ตที่โดดเด่นบนท้องถนน และมีสมรรถนะในการขับขี่เส้นทาง Off-Road ได้อย่างไร้กังวล ในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งวันนี้ทีมงาน Autostation.com ได้ไปลองมาให้แล้วถึงประเทศออสเตรเลีย
จุดประสงค์หลักของการพัฒนา Toyota REVO GR Sport คือ “เป็นมากกว่าแค่รถกระบะเพื่อการใช้งาน แต่เป็นรถที่จะร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่ และการผจญภัย” โดยถูกถ่ายทอด DNA มาจากรถแข่ง Dakar Rally ซึ่งถ้าอิงตามจุดประสงค์หลักในการออกแบบครั้งนี้ ถือว่า Toyota สอบผ่าน และทำได้ดีเกินคาดหมาย เพราะการทดสอบในครั้งนี้เส้นทางถือว่าโหดพอสมควร เพราะโตโยต้าตั้งใจพาเรามาทดสอบไกลถึงออสเตรเลีย เพื่อให้รู้ถึงสมรรถนะที่แท้จริงของ REVO GR Sport
สำหรับ Toyota Hilux REVO GR Sport 2024 นั้น เป็นรถกระบะสมรรถนะสูงที่ผลิตในประเทศไทย แต่ถูกออกแบบ และวิจัยที่ออสเตรเลีย เพราะอย่างที่ทุกคนทราบว่า ประเทศออสเตรเลียนั้นถือเป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์ และเส้นทาง Outback ที่สมบุกสมบันที่สุดในโลก และการที่จะพัฒนารถกระบะให้สมบูรณ์แบบได้นั้น ต้องผ่านการทดสอบในทุกสภาพถนน และทุกสภาพอากาศจากทวีปแห่งนี้ก่อน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทดสอบในครั้งนี้
ซึ่ง Toyota Hilux REVO GR Sport ที่เราใช้ทดสอบในทริปนี้ จะเป็นสเปคออสเตรเลีย ซึ่งจะมีรายละเอียด และฟีเจอร์บางรายการที่ต่างจากสเปคไทยอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลถึงในเรื่องของสมรรถนะ เพราะด้วยพื้นฐาน และจุดเด่นของความเป็นกระบะ GR Sport ยังครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
ขุมพลังดีเซล 2.8 ลิตร Turbo ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ ปรับจูนในส่วนของเทอร์โบ และการจ่ายน้ำมันผ่านหัวฉีดใหม่ ที่ให้กำลังสูงขึ้น 10% จาก 200 แรงม้า เป็น 224 แรงม้า และแรงบิดจาก 500 นิวตัน-เมตร เป็น 550 นิวตัน-เมตร
ชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีการปรับอัตราทดใหม่ ช่วยลดเวลาในการตัด – ต่อเกียร์ได้เร็วขึ้นจากเดิม 1.4 วินาที เหลือ 1 วินาที
ดีไซน์รอบคันถูกออกแบบภายใต้ DNA ของรถแข่ง Dakar Rally ที่มาพร้อมความดุดัน และถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์
การขยายฐานล้อหน้ากว้างขึ้นจากเดิม 140 มม. และด้านหลังอีก 155 มม. ปรับสไตล์ให้เป็นรถกระบะแบบ Wide Tread พร้อมปรับองศาของมุมจับยึดโช้คอัพที่ให้การซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น และยกใต้ท้องให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีก 37 มม. ทำให้สามารถเพิ่มองศาการปีนป่ายที่ด้านหน้าเป็น 30 องศา และมุมจาก 26 องศา
โช้คอัพหน้า – หลังแบบ Monotube ของ KYB ที่ออกแบบมาพิเศษ พร้อมปรับจูนคอยล์สปริงหน้าใหม่ ให้รองรับกับการขับขี่สมรรถนะสูง
ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ มาพร้อมจานเบรกพร้อมครีบระบายความร้อน และคาลิปเปอร์เบรกสีแดงตามสไตล์ GR Sport
โดยการทดสอบครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นจาก Port Augusta เพื่อเดินทางมุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติ Lkara-Flinders Ranges National Park ซึ่งช่วงแรกของการเดินทางจะเป็นถนน Highway แบบ On-Road ตรงยาวๆ 196 กิโลเมตร แถมยังถูกจำกัดความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. (ตามกฏหมายประเทศออสเตรเลีย)
เลยเป็นการขับที่เปิดใช้ระบบ Dynamic Radar Cruise Control ปล่อยไหลไปยาวๆ เป็นหลัก ซึ่งตัวระบบก็ให้การทำงานที่ไว้ใจได้ และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางได้เป็นอย่างดี ช่วยลดการเหนื่อยล้าในการเดินทางไกลๆ และได้สัมผัสกับบรรยากาศสองข้างทางได้อย่างเต็มที่
ก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติ Lkara-Flinders Ranges National Park จุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เพราะเส้นทางต่อจากนี้ จะเป็นทางลูกรังให้ได้ลองซัดแบบจัดเต็ม อารมณ์คล้ายๆ เส้นทางการแข่งขันครอสคันทรี ซึ่งจุดนี้ไม่ต้องพูดอะไรกันให้มากความ บิดระบบขับเคลื่อนไป 4H แล้วเหยียบคันเร่งแบบ 100%
ทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่า ระบบช่วงล่างที่ Toyota คุยนักคุยหนาว่าพัฒนามาใหม่ รวมถึงการขยายฐานล้อหน้า – หลัง ให้กว้างขึ้น มันมีดีอย่างไร? ซึ่งจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การซับแรงกระแทกของโช้คอัพดีขึ้นกว่าเดิมมากหากเทียบกับ Hilux REVO ตัวธรรมดา หรือ Rocco และความนิ่ง รวมถึงเสถียรภาพในการยึดเกาะถนนในทางดิน ทำได้เนียนกริบ ขับแล้วมั่นใจ สาดได้ รูดได้ แบบไม่ต้องยั้งเท้า อาการสไลด์เข้าโค้งมีให้ได้สนุกอยู่บ้าง แต่ก็ถูกระบบ VSC เข้ามาช่วยจัดการไม่ให้ตัวรถมัน Oversteer ไหลตกข้างทาง
กลายเป็นว่าสัมผัสแรกในทางดินของ Toyota Hilux REVO GR Sport ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างสนุกดุเดือด และทำได้ดีกว่าที่คิด พูดได้เลยว่าไม่แตกต่างอะไรจากตอนที่ขับโหมด Baja ใน Ford Ranger Raptor เลย แค่ไม่มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์อันดุดันเหมือน Raptor
สำหรับวันที่สองของการทดสอบ ทางทีมงานออสเตรเลียได้จัดการทดสอบแบ่งออกเป็น Station ซึ่งมีให้ได้ลองครบทุกอรรถรส เริ่มตั้งแต่ การขับทางดินแบบ High Speed ระยะทางไป – กลับ กว่า 30 กม. ซึ่งเส้นทางใกล้เคียงกับที่ได้ลองซัดไปแล้วในวันก่อน
และนี่ถือเป็นการตอกย้ำว่า Toyota Hilux REVO GR Sport รูดได้ บินได้ ลุยได้ไม่ต่างอะไรกับโหมด Baja อย่างแท้จริง โดยความเร็วสูงสุดที่ใช้ในเส้นทางนี้คือ 160 กม./ชม. ถ้ารถไม่เจ๋งจริง คงไม่ได้มานั่งเขียนรีวิวให้เพื่อนๆ อ่านอยู่จนถึงตอนนี้
ส่วนการทดสอบต่อมา จะเป็นการขับในเส้นทางที่เป็นธารน้ำไหลที่ไม่มีน้ำแล้ว ซึ่งจะเป็นหิน และเนินสลับซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องใช้โหมด 4L ในการขับขี่ โดยจุดนี้เป็นการทดสอบให้ได้รู้ว่า Toyota Hilux REVO GR Sport ที่มีการปรับองศามุมเงย และมุมจาก รวมถึงมิติด้านหน้าที่เชิดขึ้นอีก 20 มม. มันมีประโยชน์มากขนาดไหน เพราะสามารถปีนป่ายหิน ไต่เนินสลับ และดิ่งลงลำธารได้อย่างไม่เป็นกังวลเลย แม้ว่าดูจากหลังพวงมาลัยแล้วว่าไม่น่าจะพ้นแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นปัญหา
รวมไปถึงการซับแรงกระแทกของระบบช่วงล่างที่ความเร็วต่ำ ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จังหวะยืด – ยุบของโช้คอัพทำงานได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในเส้นทางทดสอบจะมีหลายช่วงที่ล้อหน้า หรือล้อหลังข้างใดข้างนึงลอยจากพื้น ซึ่งนั่นทำให้รู้ว่าระบบช่วงล่างทำงานเป็นอย่างไร รวมถึงการถ่ายเทกำลังของโหมด 4L ของ Toyota ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทริปนี้ไม่มีผู้ใดติดหล่ม หรือจอดกินข้าวลิงเลยแม้แต่คนเดียว
ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทดสอบที่เป็นการขับขี่แบบ Outback จริงๆ ด้วยการขับขึ้นเขาอีกลูก และไปลงเอาเขาอีกลูก สองข้างทางมีแต่เหว และหน้าผา ชนิดที่ว่าหากพลาดไปเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน แต่ทว่า Toyota Hilux REVO GR Sport กลับพาเราขับผ่านภูเขาทั้ง 2 ลูกได้อย่างชิลๆ แรงบิดและแรงฉุดของรถมีมาให้ใช้แบบสบายใจหายห่วง แม้จะลองไปเบรกอยู่กลางเนิน แล้วเดินคันเร่งขึ้นไปใหม่แล้วก็ตาม ตัวรถก็ยังสามารถไต่ไปได้เรื่อยๆ ไม่มีไหลลง หรือไถลออกข้างทางให้ตกใจเล่น
ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมออกแบบ และพัฒนาโปรดัคทั้งฝ่ายไทย และออสเตรเลีย ที่ทำให้ Toyota Hilux REVO GR Sport แตกต่างจากรถกระบะทั่วไป และมีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่สูงกว่าอย่างรู้สึกได้ แม้ว่าหลายๆ คนจะเอาไปเทียบกับ Ford Ranger Raptor ก็ตาม แต่ตามเนื้อผ้า และราคาที่ต้องจ่ายแล้ว GR Sport คันนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่อุปกรณ์บางอย่าง ระบบช่วงล่างที่เป็นแหนบ โช้คอัพที่ไม่แบรนด์เนม คือสิ่งที่ใครหลายคนมักเอามาด้อยค่า แต่ถ้าจะว่ากันที่สมรรถนะเพียงอย่างเดียว เส้นทางที่ Raptor ไปได้ GR Sport คันนี้ก็ไปได้เหมือนกัน!!