ที่ภายในงาน Auto Expo 2023 ทาง Maruti Suzuki นอกจากที่จะได้เผยโฉม Suzuki Jimny ในรุ่น 5 ประตู ครั้งแรกของโลกแล้ว ในงานเดียวกันนี้ทางซูซูกิอินเดีย ยังได้เปิดตัวรถเอสยูวีสายพันธุ์ใหม่ ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า Suzuki Fronx
สำหรับ Suzuki Fronx ใหม่นี้จะมีรูปลักษณ์หน้าตาที่ดูเหมือน Grand Vitara แต่มีความสปอร์ต และเล็กกว่า โดย Suzuki Fronx เอสยูวีใหม่คันนี้จะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานตัวถังของ Suzuki Baleno ที่เป็นรถขนาดเล็กในสไตล์แฮตช์แบ็ก 5 ประตู แต่ Suzuki Fronx จะถูกตกแต่งให้เป็นรถในรูปแบบเอสยูวีเหมือนกับ Suzuki Grand Vitara
Suzuki Fronx ใหม่นี้ทางซูซูกิเผยกลุ่มเป้าหมายใหญ่จะอยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ชอบความโดดเด่น โดยตัวรถจะเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก
ในด้านมิติขนาดตัวรถจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 3,995 มม., กว้าง 1,765 มม. และสูง 1,550 มม. มีระยะฐานล้อยาว 2,520 มม. โดยจะมีใหญ่และยาวกว่า Suzuki Baleno ในทุกมิติ แต่ในด้านฐานล้อจะเท่ากัน
Suzuki Fronx ยังคงถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีโครงสร้างแพลตฟอร์ม HEARTECH อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางซูซูกิ
ด้านงานออกแบบจะมีลักษณ์ที่คล้ายกับ Grand Vitara ด้วยชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน ด้านบนจะเป้นไฟ DRL ที่ด้านในจะเป็นชุดไฟ LED ที่วางเรียวต่อกัน เชื่อมต่อชุดไฟทั้ง 2 ฝั่งด้วยแถบโครเมียม พร้อมติดตรา Suzuki ไว้ที่ตรงกลาง ส่วนกระจังหน้าในในทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ ด้านในตกแต่งด้วยวัสดุสีดำออกแบบลวดลายในเป็นมิติทรงเหลี่ยม
ขณะที่ชุดไฟส่องสว่างด้านล่างจะเป็นหลอดไส้ ที่วางเรียวกัน 3 ดวงอยู่ในกรอบทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ส่วนกันชนหน้ามาพร้อมช่องรับลมสีดำ พร้อมติดตั้งแผ่นกันกระแทกสไตล์อลูมิเนียม
ดีไซน์ด้านข้างเน้นความสปอร์ต และโฉบเฉี่ยว โป่งซุ้มล้อทั้งหน้า และหลังออกถุกตีโป่งเล็กน้อยพอให้ดูมีมัดกล้าม พร้อมตกแต่งขอบซุ้มล้อด้วยแถบสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยทูโทนขนาด 17 นิ้ว นอกจากนั้นในส่วนกาบชายล่างด้านข้างก็ตกแต่งด้วยแผ่นกันกระแทกแบบเดียวกับด้านหน้าตัวรถ
ในส่วนหลังคาติดตั้งราวแร็คหลังคาสีโครเมียม เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ว่าเป็นรถออฟโรดสายลุย ขณะที่ตัวถังจะมีให้เลือกทั้งแบทูโทนหลังคาสีดำ และโมโนโทน
ที่ด้านหลังดีไซน์ในส่วนกระจกบานท้ายให้ลาดเอียง ซึ่งนับเป็นความพยายามครั้งแรกของซูซูกิ ที่จะสร้างรถในรูปแบบคูเป้เอสยูวี เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคา และเสาอาอาศแบบครีบฉลาม
นอกจากนี้เอสยูวีตัวใหม่ยังมาพร้อมกับชุดไฟท้าย LED ที่มาแบบพาดยาวเต็มความกว้างของท้ายรถ ปิดท้ายด้วยแผ่นกันกระแทกอะลูมิเนียมขนาดใหญ่บิ้ก
ภายในห้องโดยสารจะรองรับได้ 5 ที่นั่ง โดยดีเทลนั้นจะมีความคล้ายกับ Baleno แต่มีรูปลักษณ์ที่หรูหรากว่าเล็กน้อย เบาะนั่งหุ้มด้วยสีดำสลับกับสีทองแดงแบบทูโทน
ด้านชุดอุปกรณ์และออปชั่นมากับมาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ MID หน้าจออินโฟรเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบลอยตัวที่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay มาพร้อมหน้าจอ Head-up Display ที่สะท้อนบนกระจกบังลมหน้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้ายตัด, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบเครื่องเสียงโดย Arkamys เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายที่ 308 ลิตร
ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ถึงแม้จะเป็นรถขนาดเล็ก แต่ก็ติดตั้งมาไม่น้อยไปกว่ารถขนาดใหญ่หรือรถหรู อาทิ ถุงลมนิรภัย 6 ใบ, กระจกแบบกันแสง UV, ระบบเตือนเข็มขัดนิรภัย, เบรก ABS พร้อมระบบกระจายเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเตือนความเร็วสูง, เซนเซอร์ถอยหลัง, ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราว Automatic Engine Stop/Start และกล้อง 360 องศารอบคัน
ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของ Suzuki Fronx 2023 จะมีขุทมพลังให้เลือกถึง 2 ขนาด คือเครื่องยนต์เบนซิน Boosterjet ขนาด 1.0 ลิตร ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Mild-Hybrid ให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 148 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังจะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ โดยกำลังทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเพลาคู่ล้อหน้า
นอกจากนั้นก็ยังมีขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน K-Series Dual Jet 1.2 ลิตร ให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก โดยจะให้กำลัง 89 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อหน้าด้วยชุดเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ AGS 5 สปีด
ส่วนระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut ขณะที่ด้านหลังจะเป็นแบบ Torsion Beam
สำหรับ Suzuki Fronx เอสยูวีใหม่นี้พร้อมเปิดให้สั่งจองแล้วในประเทศอินเดีย โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายนที่จะถีงนี้ ส่วนสนนราคาจะถูกประกาศพร้อมวันที่ลงโชว์รูม Suzuki Fronx นอกจากจะมีวางจำหน่ายหลัก ๆ ที่ในดินแดนอินเดียแล้ว ยังมีแผนที่จะส่งไปวางจำหน่ายต่างประเทศด้วยทั้งในแอฟริกา และละตินอเมริกา ส่วนในบ้านเราประเทศไทยคาดว่าคงไม่มีการนำเข้ามาจำหน่ายแต่อย่างใด