หลังจากที่ทางโตโยต้า ได้เปิดตัว Toyota Alphard / Vellfire โฉมใหม่ โดยในขณะนั้นจะมีขุมพลังให้เลือกเพียงเครื่องยนต์สันดาปล้วน และขุมพลังไฮบริด HEV
ล่าสุดก่อนจะสิ้นปี 2024 ทาง Toyota ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรถตู้สุดหรูอย่าง Toyota Alphard และ Toyota Vellfire ด้วยขุมพลัง PHEV โดยถูกเปิดตัวครั้งแรกของโลกในญี่ปุ่น เคาะราคาคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 10,650,000 – 10,850,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ราว ๆ 2.31 – 2.36 ล้านบาท
ในด้านงานออกแบบดีไซน์จะเหมือนกับในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปล้วน และรุ่นขุมพลังไฮบริด HEV โดยจะมาพร้อมงานดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซปต์ “Forceful x Impact Luxury” ตัวถังจะได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด กระจังขนาดใหญ่ทั้ง 2 รุ่น แต่จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป โดย Vellfire จะมากับ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น ส่วนในตัว Alphard กระจังที่เป็นตารางสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม และเป็นครั้งแรกที่ได้่รับการติดตั้งโลโก้สามห่วง ที่เป็นสัญลักษณ์ของทางแบรนด์
ด้านข้างจะมากับประตูแบบบานสไลด์ทั้ง 2 ฝั่ง ที่บริเวณประตูคู่หน้าตรงเสา B เติมความหรูหราด้วยคิ้วโครเมีย มาพร้อมที่เปิดประตูโครเมียม ชุดล้ออัลลอยจะมีขนาด 17 – 19 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายจะโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ PHEV และตรา E-Four ที่บ่งบอกว่าจะมากับระบบขับเคลื่้อน 4 ล้อ
ในด้านมิติขนาดตัวรถของทั้ง 2 รุ่น จะมีความยาว 4,995 มม., กว้าง 1,850 มม., ความสูง 1,953 – 1,945 มม. แล้วแต่รุ่น และมีระยะฐานล้อ 3,000 มม. โดยมีระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มม.
ภายในห้องโดยสารของจะได้รับออปชั่นเพิ่มเติมจากรุ่นไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาปล้วน โดยเริ่มจากจะได้รับระบบปรับอากาศแบบใหม่ ที่สามารถทำงานด้วยการใช้ระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเปิดระบบปรับอากาศได้โดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมทั้งมีโหมด My Room Mode ที่ทำให้ใช้ทั้งระบบปรับอากาศ และระบบความบันเทิงในขณะชาร์จไฟให้กับรถได้ รวมไปถึงสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้
อีกทั้งยังมาพร้อมกับ กระจกมองหลังแบบดิจิทัล (Digital Inner Mirror) มาพร้อมกล้องในรถทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมทั้งเพิ่มระบบเสียงพรีเมียม JBL ลำโพง 15 ตำแหน่ง และจอ 14 นิ้วเพื่อความบันเทิงสำหรับเบาะหลัง รวมทั้งเพิ่มเกรดพื้นฐานที่มากับเบาะ 8 ที่นั่ง
ด้านเบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยหนังแท้ Premium NAPPA เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า ด้านฝั่งผู้ขับปรับได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบความจำ 3 ตำแหน่ ส่วนฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองมีทั้งแบบปกติ และแบบ VIP Executive Lounge แยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง มาพร้อมที่รองน่องปรับไฟฟ้า รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งฟังก์ชันนวด โดยทุกฟังก์ชันการทำงานจะถูกควบคุมผ่าน Detachable Tablet ขนาด 5.5 นิ้ว ที่อยู่บริเวณที่เท้าแขน อีกทั้งยังได้รับจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว ด้านเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 3 จะรองรับได้ 3 ที่นั่ง ตัวเบาะปรับพับแบบ 50/50
ขณะที่แผงคอนโซลหน้าจะมากับหน้าจอส่วนกลางแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านแอป T-Connect พร้อมเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto มาพร้อมระบบนำทาง นอกจากนั้นยังมากับมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง 3 ก้านที่ออกแบบใหม่หุ้มด้วยหนังรวมทั้งยังมากับหน้าจอ Head-Up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้า
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับระบบปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 4 โซน พร้อมระบบฟอกอากาศ NANOE X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, ชุดไฟ Ambient Light ปรับได้ 64 สี, ช่องชาร์จแบบเสียบสายผ่าน USB ด้านหน้า 3 จุดและด้านหลัง 4 จุด, เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold และที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไรสาย
ด้านพละกำลังจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลัง 177 แรงม้า แรงบิด 219 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 306 แรงม้า ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ e-CVT มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ e-FOUR
จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 13.2 kWh ที่ติดตั้งอยู่บริเวณพื้นตัวรถ วิ่งในโหใดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกล 73 กม. (ตามมาตรฐาน WLTC)
รองรับการชาร์จไฟแบบ AC 16A 200V ให้กำลังสูงสุด 3 kW รวมทั้งยังรองรับกาาร์จไฟแบบชาร์จ DC กำลังสูงสุด 50 kW ที่ให้กำลังไฟจาก 10-80% ในเวลา 38 นาที อีกทั้งยังมากับระบบ V2H ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก ให้กำลังสูงุสด 1.5 kW
สำหรับราคาจำหน่ายของ Alphard / Vellfire PHEV จะถูกตั้งราคาไว้ระหว่าง 10,650,000 – 10,850,000 เยน หรือคิดเป็นเงินอยู่ที่ประมาณ 2.31 – 2.36 ล้านบาท
โดยคาดว่า Toyota Alphard PHEV และ Toyota Vellfire PHEV อาจจะถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายในบ้านเราเร็ว ๆ นี้
