โตโยต้าในสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัว Toyota Tacoma 2024 รถกระบะขนาดกลางเจนเนอเรชั่น 4 อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทยอยปล่อยทีเซอร์ และภาพสิทธิบัตรต่าง ๆ ออกมาก่อนล่วงหน้า
สำหรับ Toyota Tacoma เจนฯ ใหม่นี้ มีใตัวถังให้เลือกทั้งแบบ XTRA Cab 2 ประตู และแบบ 4 ประตู Double Cab พร้อมมาขุมพลัง i-FORCE MAX ไฮบริด
พร้อมกับมีให้เลือกหลายรุ่นทั้ง SR, SR5,TRD PreRunner, TRD Sport, TRD Off-Road, Limited, TRD Pro และรุ่นตัวโหด Trailhunter รวมทั้งยังมากับขุมพลังให้เลือกหลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์ 2.4 เทอร์โบ i-Force และขุมพลัง I-Force Max Hybrid พร้อมเปิดวางจำหน่ายขายปลายปี 2023 นี้
Toyota Tacoma 2024 ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA-F ในด้านรูปลักษณ์หน้าตาได้รับการปรับเปลี่ยนจากรุ่นที่ผ่านมาลงความดุดันลง เติมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เริ่มจากกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่ออกแบบใหม่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม นด้านข้างกระจังหน้าที่เชื่อมต่อติดกับชุดไฟหน้ายังออกแบบให้มีช่องดักลมที่เป็นแบบหลอกตา
ส่วนด้านในกระจังหน้าจะในแบบลวยลวยทรงรังผึ้งสีดำ คาดด้านในด้วยแถบสีดำ ขณธที่โลโก้ของแบรนด์นั้นจะแตกต่างกันไปแต่ละรุ่น โดยในรุ่น TRD Pro และรุ่น Trailhunter จะเป็นโลโก้ตัวอักษร T O Y O T A ขณะที่รุ่นอื่น ๆ จะเป็นตราโลโก้สามห่วงแบบปกติ
นอกจากนั้นในรุ่น TRD Pro และรุ่น Trailhunte ยังเสริมภาพลักษณ์รถสายลุยด้วนย แผ่นกันกระแทกด้านหน้า ชุดไฟ LED แนวนอนที่ตัวกันชน มาพร้อมซุ้มล้อทรงเหลี่ยมสีดำ โดยในรุ่น TRD Pro เติมความดุด้วยล้อสีดำขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง Goodyear off-road ขนาด 33 นิ้ว ขณะที่รุ่น Trailhunter จะมากับล้อสีบรอนซ์ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารของ Toyota Tacoma เจนฯ ใหม่นี้ จะมีลักษณ์ที่คล้ายกับ Toyota Tundra รุ่นพี่ในค่ายเดียวกัน โดยในส่วนคอนโซลหน้าจะมากับ มาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่จะมีขนาด 7.0 นิ้ว และแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนหน้าจออินโฟรเทนเมนต์จะเป็นแบบสัมผัสที่วางแบบลอยตัว โดยจะมีขนาด 8.0 นิ้ว เป็นชุดอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่หน้าจอขนาด 14.0 นิ้ว จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Limited, TRD Pro และ Trailhunter รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย
ระบบเครื่องเสียงเป้นของ JBL พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับซับวูฟเฟอร์ และยังรวมไปถึง JBL® FLEX ลำโพงบลูทูธที่สามารถถอดและพกพาได้ทำงานได้ถึง 6 ชม., พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน และแท่นชาร์จมือถือไร้สาย
ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือกการขับขี่จะมากับ Toyota Safety Sense 3.0 อาทิระบบป้องกันการชนล่วงหน้าพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการออกนอกเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว, ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ, ระบบจดจำป้ายจราจร, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ด้านขุมพลังขับเคลื่อนเริ่มจากรุ่น SR ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ i-Force 2.4 ลิตร ให้กำลัง 228 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ขยับขึ้นมาในรุ่น SR5 จะเป็นขุมพลังชุดเดียวกับรุ่น SR แต่จะได้รับการปรับจูนอัพกำลังขึ้นโดยเมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะให้กำลังอยู่ที่ 270 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงุสด 420 นิวตันเมตร ส่วยถ้าจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จะช่วยเพิ่มแรงม้ามากขึ้นทำให้ได้กำลัง 278 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดที่ 430 นิวตันเมตร
นอกจากนั้นยังมีทางเลือกกับขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด I-Force Max ที่ยกมาจากตัว Tundra ที่เป็นเครื่องยนต์ เบนซินเทอร์โบ 2.4 ลิตร T24A-FTS มาพร้อมชุดแบตเตอรี่เล็ก nickel-metal hydride ขนาดความจุ 1.87 kWh ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 48 แรงม้า ให้กำลังรวมที่ 326 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด โดยขุมพลังบล็อกนี้จะติดตั้งอยู่ในรุ่น TRD Pro, TRD Sport, TRD Off-Road, Limited และ Trailhunter
ระบบช่วงล่างโตโยต้าปรับจูนเพื่อให้แต่ละเกรด ในรุ่น TRD Pro จะได้รับการติดตั้งโช้ค Internal Bypass 3 ของ Fox ในขณะที่รุ่น TRD Off-Road ใช้โช้กอัปแบบโมโนทูบ Bilstein ส่วนรุ่น TRD Sport จะมากับโช้ก TRD ที่ปรับแต่งพิเศษเพื่อให้สัมผัสบนถนนที่ดีขึ้น ขณะที่ในรุ่น Trailhunter จะมากับระบบกันสะเทือน Old Man Emu (OME) 4×4 ใหม่โดย ARB ซึ่งได้รับการปรับแต่งเพื่อการควบคุมแบบออฟโรดที่เหมาะสมและความสามารถในการบรรทุกสัมภาระ
สำหรับราคาจำหน่าย และช่วงเวลาลงโชว์รูมของ Toyota Tacoma 2024 เจเนอเรชันใหม่นี้ ทาง Toyota เผยว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายปี 2023 นี้