หลังจากที่ทาง XPeng (เอ็กช์เผิง) จากประเทศจีน ได้เปิดตัว Xpeng G9 รถยนต์ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบเอสยูวี ในประเทศเมื่อปี 2022 ต่อมาก็ขยายตลาดไปยังยุโรป ซึ่งก็ส้างกระแส และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ล่าสุดทาง XPeng ได้สานต่อความสำเร็จด้วยการเผยโแมเปิดตัว Xpeng G9 รุ่นปี 2025 โดยในรุ่นใหม่นี้จะได้รับการอัปเกรดมากถึง 66 รายการ รวมถึงยังมาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ Turing AI นอกจากนั้นยังมีพละกำลังที่แรง และวิ่งไกลขึ้น โดยชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 725 กม.
ในด้านงานออกแบบตัวรถของ Xpeng G9 รุ่นปี 2025 ยังคงใช้การออกแบบของรุ่นปัจจุบันที่มีอยู่ในตลาด มาพร้อมภาษาการออกแบบที่เรียกว่า X Robot Face 3.0
ในส่วนด้านหน้ายังคงมากับชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน โดยในส่วนไฟ DRL จะเป็นเส้นที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า ชุดไฟส่องสว่างจะมีขนาดใหญ่แยกลงมาติดตั้งอยู่ที่บริเวณตัวกันชน มาพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่สีดำ ด้านข้างออกแบบเน้นความเรียบ เพื่อต้องการในตัวรถมีระบบแอร์โรไดนามิคที่ดี มือเปิดประตูเป็นแบบราบเรียบไปกับตัวรถมาพร้อมระบบประตูแบบ Soft-Close บนหลังคาออกแบบให้เป็นหลังคาพาโนรามาซันรูฟ ที่มีขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ เสริมลุคให้เป็นรถอเนกประสงค์มากขึ้นด้วยแล็คหลังคาสีดำ
ขณะที่ด้านท้ายเน้นความหรูหรา ด้วยชุดไฟท้าย LED ที่วางพาดยาว และเติมความสปอร์ตด้วยสอปยเลอร์หลังคาที่ด้านท้าย อีกทั้งผู้ซื้อยังจะได้รับประตูท้ายไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบแบบแฮนด์ฟรี
ในด้านขนาดมิติตัวรถนั้นจะมีความยาวตัวรถอยู่ที่ 4,891 มม., กว้าง 1,937 มม., สูง 1,680 มม.และมีระยะฐานล้ออยู๋ที่ 2,998 มม.
ส่วนการอัปเกรดใหม่นั้นจะได้รับประตูดูดไฟฟ้าใหม่ มาพร้อมประตูท้ายอัตโนมัติ และล้อแม็ก 5 ก้านขนาด 20 นิ้ว นอกจากนั้นยังสามารถเลือกจากรุ่น Warrior ที่จะมากับชุดแต่งโทนสีดำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ล้อแม็ก / โลโก้ และบังโคลนหน้าหลังที่เป็นสีดำ
ภายในห้องโดยสารของ Xpeng G9 โฉมปี 2025 จะมีเฉดสีภายในให้เลือก 3 สี สีน้ำตาล Morning Glory Brown, สีเทา Elegant Gray และสีใหม่สีน้ำตาลอ่อน Moon Shadow Coffee
สำหรับงานออกแบบก็ยังแบบเดิมเหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา โดยในส่วนของแผงคอนโซลหน้าจะมาพร้อมกับหน้าจอถึง 3 จอ เริ่มจากจะได้รับแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่มาพร้อมระบบปรับความร้อนได้
ส่วนอีก 2 หน้าจอจะถูกเชื่อมติดกัน โดยจะแบ่งเป็นหน้าอินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 15 นิ้ว และจอแสดงผลขนาด 15 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า มาพร้อมชิป Nvidia Drive Orin คู่ที่ประสิทธิภาพการประมวลผล 508 TOPS Operation Per Second
เบาะที่นั่งคู่หน้า มาพร้อมระบบปรับความร้อน และระบายอากาศ รวมถึงเบาะคู่หลังจะปรับอุณหภูมิได้ เบาะที่นั่งถูกหุ้มด้วยหนังเทียม
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับ ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และไฟ Ambient Lighting ที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการขับ มาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ Xpeng G9 รุ่นปี 2025 จะมากับระบบขับขี่อัจฉริยะ Turing AI รุ่นใหม่ที่พัฒนาโดย Xpeng จะติดตั้งในรถยนต์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ LiDAR แต่จะมีเซ็นเซอร์ 26 ตัวทั่วทั้งรถ ได้แก่ กล้อง 11 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 3 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ซึ่งจะปรับระยะการรับรู้ภาพเพิ่มขึ้น 125% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รวมถึงจะมีความเร็วในการจดจำเพิ่มขึ้น 40% และสามารถระบุสิ่งกีดขวางทั้งแบบไดนามิคและแบบคงที่ได้อย่างแม่นยำ
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนยังคงมีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่วางวางอยู่คู่ล้อหลัง และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ในรุ่นใหม่นี้จะได้รับการอัปเกรดให้ความแรงขึ้น
โดยในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวจะให้กำลัง 258 kW หรือให้กำลัง 346 แรงม้า (จากรุ่นเดิมที่มีกำลังอยู่ที่ 230 kW) มาพร้อมแรงบิดที่มากถึง 465 นิวตันเมตร
ส่วนในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD จะเพิ่มกำลังในส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้มีกำลัง 165 kW (221 แรงม้า) ส่งผลทำให้มีกำลังรวมมากถึง 423 kW (567 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 695 นิวตันเมตร
นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบแบตเตอรี่ AI 5C ที่มาพร้อมแพลตฟอร์ม SiC แรงดันสูง 800V และเทคโนโลยีซูเปอร์ชาร์จแบบระบายความร้อนด้วยของเหลว S5
ด้านชุดแบตเตอรี่จะมีให้เลือก 2 ขนาดความจุ 79 kWh และ 93.1 kWh โดยให้ระยะเดินทางที่ 625 กม. 680 กม. และ 725 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) ซึ่งเทียบกับในรุ่นก่อนหน้าจะวิ่งได้ระยะทางที่ 570 กม. 650 กม. และ 702 กม.(ตามมาตรฐาน CLTC)
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ด้านหน้า และระบบกันสะเทือนแบบไฟว์ลิงก์ด้านหลัง โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 9 โหมด
สำหรับราคาจำหน่ายของ Xpeng G9 MY2025 ทาง เอ็กช์เผิง ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอออกมาในขณะนี้ แต่คาดว่าจะปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นที่ผ่านมา โดย Xpeng G9 ปี 2024 นั้นจะมีราคาเริ่มต้นที่ 263,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 1.22 ล้านบาท
ทั้งนี้หากมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง