in , ,

Xpeng P7+ สปอร์ตซีดานไฟฟ้า ชาร์จไฟวิ่งไกล 710 กม. ราคาเริ่ม 9.01 แสนบาท

Xpeng P7+ รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้าสุดล้ำจากจีน ที่ว่ากันว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า AI คันแรกของโลกชาร์จไฟวิ่งไกล 710 กม. ราคาเริ่ม 9.01 แสนบาท

Xpeng P7+

บริษัทรถยนต์พลังงานใหม่ Xpeng หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดวางจำหน่าย Xpeng P7 ทั่งในตลาดบ้านเกิดที่้เมืองจีน และตลาดยุโรป 

Xpeng P7+

ล่าสุดได้เปิดตัวรถยตืไฟฟ้ารุ่นใหม่ตามออกมาอีกหนึ่งรุ่นที่เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Xpeng P7 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Xpeng P7+ โดยสปอร์ตซีดานไฟฟ้าตัวใหม่นี้มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สวยสปอร์ต มากกว่า P7i รวมทั้งยังรถถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่วางจำหน่ายโดยใช้ระบบ AI Eagle Eye Vision ใหม่ของบริษัท โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่ายไว้ดังนี้ 

  • Xpeng P7+ รุ่น Long Range Max ราคา 186,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 9.01 แสนบาท 
  • Xpeng P7+ รุ่น Ultra Long Rang Max ราคา 198,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 9.59 แสนบาท 
  • Xpeng P7+ รุ่น Limited Edition Max ราคา 218,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.05 ล้านบาท (มีเพียง 500 คัน

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+ มาในภาษาการออกแบบ Robo Face ล่าสุดของแบรนด์ ทำให้ด้านหน้าของมีดีไซน์ในลักษณะ X-shaped พร้อมมีแถบไฟ Daytime Running Light ใต้ฝากระโปรงหน้ายาวไปเกือบถึงซุ้มล้อหน้าเหมือนกับ P7i แต่มีไฟหน้า และกันชนหน้าที่ถูกออกแบบให้แตกต่างออกไป โดยชุดกันชนหน้าออกแบบให้มีช่องระบายอากาศสีดำขนาดใหญ่แบบแอคทีฟปิดเพื่อลดแรงต้านลมที่จะเข้ามา

Xpeng P7+

ขณะที่ด้านข้างของรถให้ความรู้สึกทันสมัยด้วยมือจับเปิดประตูซ่อนอยู่ในตัวรถ กระจกรถมาแบบไร้กรอบหรือ Frameless Door ด้านล้อที่มาในแบบลายคล้ายกันหันที่ขนาด 18 นิ่วที่รัดด้วยยาง 235/60R18  หรือล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R20 จาก Michelin (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย)  และพิเศษรุ่น Limited Edition Max นอกจากล้อลายเข้ม 20 นิ้ว ยังได้รับดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมคาลิปเปอร์สีเหลือง

Xpeng P7+

Xpeng P7+

แนวเส้นหลังคาเสริมความสปอร์ตด้วยการออกแบบยให้มีมีความลาดเท และถูกออกแบบให้เป็นสปอยเลอร์หลังในตัวเหนือฝาท้าย ส่วนด้านหลังของรถมีไฟท้ายรูปตัว V ตะแคงพร้อมแถบไฟยาวที่ขอบบนของที่ฝาท้าย

Xpeng P7+

Xpeng P7+ จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า P7i  โดยมีความยาวตัวถังอยุ่ที่ 5,056 มม. กว้าง 1,937 มม. สูง 1,512 มม. และใมีระยะฐานล้อ 3,000 ม.. ขณะที่น้ำหนักรถจะอยุ๋ระหว่าง 1,967-2,073 กก. 

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

ห้องโดยสารจะมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว, สีเบจ และ สีเทา (เฉพาะรุ่นพิเศษ) งานดีไซน์จะเน้นความเรียบหรูดูแพง โดยจะไม่มีปุ่มสั่งใด ๆ ทั้งบนแผงแดชบอร์ด และคอนโซลกลาง พร้อมกับออกแบบให้ภายในมีความกว้างขวางโดยมีความสูงภายในห้องโดยสารที่มากถึง 973 มม.

Xpeng P7+

โดยในส่วนคอนโซลหน้ารถจะมีจอตรงกลางขนาด 15.6 นิ้วทำงานโดยชิป Qualcomm Snapdragon 8295P มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Full scenario voice assistant 2.0 รวมทั้งรองรับการอัปเดตผ่าน OTA

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

ส่วนหลังพวงมาลัย 2 ก้านมีจอขนาดเล็กสำหรับแสดงข้อมูลการขับ ขณะที่คอนโซลกลางมีทั้ง 2 ที่ชาร์จไร้สาย 50W และ 2 ช่องวางแก้วน้ำ รวมทั้งมีจอขนาด 8 นิ้ว สำหรับให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับตั้งการทำงานต่างๆ รวมทั้งเบาะหลังด้านขวายังมีโต๊ะพับให้ใช้

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

เบาะที่นั่งรองรับได้ 5 ที่นั่ง ตัวเบาะหุ้มด้วยะหนัง Nappa พร้อมตกแต่งภายในด้วยวัสดุไมโครไฟเบอร์และหนัง Nappa ตัวเบาะที่นั่งมาพร้อมระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ และนวดไฟฟ้าทุกที่นั่ง

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

ด้านชุดอุปกรณ์ายในจะมากับระบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 20 ตัว, กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่งขนาด 9 นิ้วที่ให้ความคมชัด แม้จะขับในเวลากลางคืนฝนตก มาพร้อมกุญแจสมาร์ตคีย์ UWB ปลดล็อคจากมือถือรถอัตโนมัติในระยะ 3 เมตร และหลังคาพาโนรามิคขนาด 2.1 ตารางเมตร 

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

นอกจากนั้นถึงแม้ตัวรถจะเป็นแบบ Liftback ท้านลาด แต่ด้านท้ายก็ออกแบบให้มีพื้นที่เก็นสัมภาระที่มากถึง 725 ลิตร และเมื่อพับเบาะแถวหลังลงจะขยายพื้นทีได้มากถึง 2,221 ลิตร 

Xpeng P7+

Xpeng P7+

และที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ Xpeng P7+ โดยทุกรุ่นจะมาพร้อมชิป Turing AI รวมทั้งยังได้ยกชุดระบบ LiDAR ออก พร้อมติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ AI Eagle Eye Vision เจเนเรชันล่าสุด ที่มีความคมชัดกว่าสายตามนุษย์ 10 เท่า รองรับ HDR มีระยะการมองเห็นที่ไกลขึ้น คมชัด แม่นยำกว่าเจเนเรชันก่อนหน้า พร้อมถูกเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับทำงานตอนกลางคืน และสภาพอากาศที่ไม่ดี

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+ ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEPA 2.0 โดยจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหลัง โดยจะมีความแรงให้เลือก 2 ระดับ โดยในรุ่นเริ่มต้นจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 180 kW (241 แรงม้า) ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.8 วินาที 

Xpeng P7+

ส่วนในรุ่นตัวแรงจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 230 kW (308 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 5.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทั้ง 2 รุ่นจะเท่ากันที่ 200 กม./ชม

Xpeng P7+

Xpeng P7+

สำหรับชุดแบตเตอรี่จะเป็นแบบลิเธียมไอออนฟอสเฟตมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ 60.7 kWh และ 76.3 kWh ชาร์จไฟวื่งได้ระยะทางไกล 602 / 710 / 685 กม. (CLTC

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

โดยทั้ง 3 รุ่น จะมากับสถาปัตยกรรมการชาร์จเร็ว 800V รองรับการชาร์จไฟแบบ AC และ DC โดยถ้าชาร์จไฟแบบ DC จะให้กำลังไฟจาก 10-80% ภายใน 20 นาที มาพร้อมระบบ V2L ขนาด 3.3 kW ที่ปล่อยกระแสไฟไปยังชุดอุปกรณ์ภายยนอก 

Xpeng P7+

ขณะที่ระบบช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแบบ Double wishbone ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link

Xpeng P7+

Xpeng P7+ จะมีเฉดสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีบอรนซ์เงิน Crescent Silver, สีขาว Nebula White, สีดำ Dark Night, สีม่วง Star Dusk Purple, สีเบจ Yunbeimi และสีเทา Starque Matte Gray (เฉพาะรุ่น Limited Edition)

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+

Xpeng P7+ จะถูกผลิตขึ้นที่ในโรงงาน Xpeng ที่ตั้งอยู่ในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน โดยในช่วงแรกจะเปิดวางจำหน่ายในจีนเป็นหลัก ส่วนจะนำไปวางขายนอกประเทศจีนหรือไม่นั้นต้องติดตามกันต่อไป