GWM (Thailand) ประกาศเปิดราคาจำหน่าย New GWM HAVAL H6 ใหม่ ที่ในงาน มอเตอร์โชว์ 2025 มีให้เลือก 3 รุ่น ทั้งขุมพลัง HEV และ PHEV
ราคาจำหน่าย New GWM Haval H6
- ALL NEW GWM HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น PRO ราคา 929,000 บาท
- ALL NEW GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV รุ่น PRO ราคา 1,049,000 บาท
- ALL NEW GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV รุ่น ULTRA ราคา 1,149,000 บาท
มาพร้อมโปรโมชันดังนี้
- รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 km.
- รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด นาน 8 ปี หรือ 180,000 km.
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี หรือ 150,000 km.
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
- ฟรี Home Charger พร้อมติดตั้ง (ในรุ่น PHEV)
สำหรับ ALL New GWM Haval H6 ทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมกับการอัปลุคใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งกว่า เพิ่มความสปอร์ตและความสมาร์ตในทุกองศา ทั้งกระจังหน้าและกันชนหน้า สี Smoke Chrome
ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED อัจฉริยะแบบรมดำ รวมถึงระบบไฟ Signature Light แบบ Waterfall มาพร้อม ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่ Follow Me Home
ขณะที่ในส่วนชุดไฟท้ายเป็นแบบ LED Light Strip รมดำ พร้อมติดตั้งไฟตัดหมอก LED ไว้ที่ด้านหลัง
เสริมความสปอร์ตด้วยคิ้วประตู, คิ้วฝาท้าย, หน้าต่างด้านข้างของรถ และราวหลังคา ให้เป็นสีดำ Piano Black นอกจากนี้ยังมอบความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้นด้วย กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบสีเปียโนแบล็ก รวมทั้งยังติดตั้งระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ด้านชุดล้ออัลออยล้อจะเป็นลวดลายใหม่แบบรมดำ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง (เฉพาะ PHEV รุ่น ULTRA) ส่วนในรุ่น HAVAL H6 Hybrid ยังเป็นล้อลวดลายเดิมปรับเปลี่ยนเพียงมาในเฉดสีดำ
ส่วนประตูด้านหลังเปิด-ปิดไฟฟ้ามาพร้อมกับระบบแฮนด์ฟรี ( เฉพาะ PHEV รุ่น ULTRA) มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า (PHEV รุ่น ULTRA)
พร้อมปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่จากคำว่า “HAVAL” เป็น “GWM” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แบรนด์ภายใต้ “ONE GWM” เหมือนกันทั่วโลก
ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีความยาว 4,703 มม. กว้าง 1,886 มม. สูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,738 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ 170 มม. อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 61 ลิตร ในรุ่น HEV และ 55 ลิตร ในรุ่น PHEV
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุสุดพรีเมียม เบาะที่นั่งรองรับได้ 5 ที่นั่ง ตัวเบาะหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ สามารถปรับเบาะคนขับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งด้านคนขับ โดยเบาะคู่หน้ามากับระบบระบายอากาศ
เบาะนั่งแถวที่ 2 ในทุกรุ่นย่อย ปรับพับได้แบบ 60:40 มาพร้อมกับพนักพิงศรีษะตอนกลาง พนักวางแขนตอนกลาง พร้อมที่วางแก้วน้ำ
แผงคอนโซลหน้ามากับหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นกับขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (ระบบจะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป)
นอกจากนั้นยังมากับ User Experience (UX) และ User Interface (UI) ใหม่ ผ่าน Coffee OS 3.0 + QUALCOMM Snapdragon 8155 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก GWM มาพร้อมระบบนำทางของ Huawei Petal Map
นอกจากนั้นยังมากับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง และระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง พร้อมติดตั้งชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ที่ติดตั้งบริเวณหลังพวงมาลัย
ด้านชุดอุปกรณ์จะได้รับชุดไฟ Ambient Light, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมกรองอากาศ CN95 และช่องแอร์ด้านหลัง, แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายที่ให้กำลังชาร์จไฟถึง 50W, ระบบเครื่องเสียง Amor luxury hifi system ลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง (รุ่น ULTRA มาพร้อม Sub-Woofer), กุญแจ Smart Key และ Push start , เบรกมือไฟฟ้า, กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ (มีเฉพาะในตัว PHEV รุ่น ULTRA), ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง 5 จุด ช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ 1 จุด และจุดชาร์จไฟ 12V 1 จุด
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนมากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุด 179 kW หรือ 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น HEV) และพละกำลังสูงสุด 240 kW หรือ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น PHEV) มีระบบเกียร์ DHT
GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น มีโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ตล โหมดประหยัด และพื้นหิมะ โดยรุ่น PHEV ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 2 ระบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (น้ำมัน + ไฟฟ้า) และโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนอีกด้วย
โดยในรุ่น PHEV จะวิ่งในโหมด EV ได้ไกลสุด 150 กม. (NEDC) ซึ่งไกลที่สุดในเซกเมนต์ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium Ion ขนาด 27.54 kWH อีกทั้งยังมาพร้อมกับหัวชาร์จประเภท CCS Type 2 combo ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงถึง 41 kW รวดเร็วทันใจในการชาร์จกว่ารถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในเซกเมนต์เดียวกัน
ส่วนระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ มาพร้อมระบบเบรกหน้า และหลังแบบดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
ด้านนะบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้ง 3 รุ่น จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะกว่า 31 รายการ อาทิ กล้องแสดงภาพความละเอียดสูงรอบทิศทาง 540 องศา (กล้องรอบคันและด้านใต้ท้องรถ) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) และอื่น ๆ อีกทั้งยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) เป็นต้น
สำหรับเฉดสีตัวถังของ ALL NEW GWM HAVAL H6 จะมีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีเทา, สีดำ และสีขาว ส่วนสีภายในห้องโดยสารจะเป็นสีดำ