มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัว Maserati GranCabrio รถสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาผ้า สายพันธุ์แรง อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Maserati GranCabrio TROFEO (มาเซราติ กรันคาบริโอ โทรเฟโอ) ที่มากับขุมพลังเครื่องยนต์สันดาป 550 แรงม้า และ Maserati GranCabrio FOLGORE (มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร) รถสปอร์ตไฟฟ้า 100% กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวให้กำลังรวมมากถึง 761 แรงม้า
ราคาจำหน่าย Maserati GranCabrio (รุ่นเข้าจากต่างประเทศ)
- Maserati GranCabrio TROFEO ราคาจำหน่ายเริ่มที่ 18,900,000 บาท
- Maserati GranCabrio FOLGORE ราคาจำหน่ายเริ่มที่ 14,900,000 บาท
โดย TROFEO จะได้รับ Warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ส่วนในรุ่น FOLGORE จะได้รับ Battery Warranty นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
ในด้านงานออกแบบของทั้ง 2 รุ่นจะเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาผ้า มาพร้อมงานดีไซน์ที่สง่างาม ด้วยรูปลักษณ์ ที่ไม่ซ้ำใคร เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจนฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 กระจังทรงเรียยาว ที่มาในแบบแอคทีฟเปิด -ปิด อัตโนมัติ
ในส่วนของล้ออัลลอยของทั้งในรุ่น TROFEO และ FOLGORE จะมีลวยลายที่แตกต่างกัน ส่วนขนาดนั้นจะเท่ากันโดยคุ่ล้อหน้าจะมีขนาด 20 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 265/30 ZR20 ส่วนล้อคู่หลังจะมีขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 295/30 ZR21 ด้านคาลิปเปอร์เบรกของทั้ง 2 รุ่น จะเป็นของทาง Brembo ที่มีให้เลือกถึง 7 สี โดยคู่หน้าจะเป็นแบบ 6 พ๊อต ส่วนคาลิปเปอร์เบรกหลังจะเป็นแบบ 4 พ็อต
ขณะที่ด้านท้ายในรุ่น TROFEO จะมากับท่อไอเสีนคู่แบบแยกซ้าย-ขวา มาพร้อมดิวฟิวเซอร์สีดำขนาดใหญ่ ส่วนในรุ่น FOLGORE จะมีเพียงดิวฟิวเซอร์สีดำเงาเท่านั้น
ส่วนที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ Maserati GranCabrio ทั้ง 2 รุ่นจะอยู่ที่ หลังคาผ้าโโยจะผลิตขึ้นจสากผ้าใบคุณภาพสูง ที่มีให้เลือกถึง 5 สี โดยจะถูกเปิด- ปิดด้วยไฟฟ้าจากปุ่มกดที่อยู่บนรแผงหน้าปัด โดยจะใช้เวลาพับเก็บเข้าไปที่ด้านท้ายรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 14 วินาที รวมถึงเปิดใช้งานได้ในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.
ด้านภายในห้องโดยสารของ Maserati GranCabrio ทั้ง TROFEO และ FOLGORE จะรองรับผู้โดยสารได้ 4 ที่นั่ง และมีตัวเลือกพิเศษ คือ แผ่นบังลมเหมาะสำหรับการใช้งานเมื่อมีผู้โดยสาร 2 คน และ สามารถพับเก็บได้ ช่วยลดกระแสลมแปรปรวนในห้องโดยสาร
ห้องโดยสารมาพร้อมด้วยระบบ Multimedia Maserati Intelligent Assistant (MIA) โดยจะมากับหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสใหม่ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอระบบสัมผัสควบคุมระบบปรับอากาศขนาด 8.8 นิ้ว นอกจากนั้นยังมีหน้าจอมาตรวัดดิจิทัล 12.2 นิ้ว รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งนาฬิกาดิจิทัล และหน้าจอ HUD (เป็นออปชั่น)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยมจาก Sonus Faber ที่ให้กำลังขับสูงสุด 1,195 วัตต์ ด้วยลำโพงจำนวน 16 -19 ตำแหน่ง
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อน Maserati GranCabrio TROFEO จะติดตั้งเครื่องยนต์สันดาป ‘เน็ททูโน’ ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 550 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 316 กม./ชม.
ส่วน Maserati GranCabrio FOLGORE จะมากับเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ฟอร์มูลา อี (Formula E) จะได้รับการติตดั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แยกเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่คู่ล้อหน้า 1 ตัว และที่คู่ล้อหลังฝั่งละ 1 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังรวมสูงสุด 761 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดอันมหาศาลที่ 1,350 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที มาพร้อมความเร็วสูงสุด 290 กม./ชม.
จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion 800V Technology ขนาดความจุ 92.5 kWh ที่ติดตั้งบนโครงสร้างรถที่รูปทรงตัว T ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 445 กม. WLTP) มีหัวชาร์จทั้งแบบ Type 2 / CCS Combo รองรับการชาร์จทั้งแบบ AC ขนาด 22 kW และแบบ DC Fast Charging ที่รองรับสูงสุด 270 kW ชาร์จไฟจาก 20 – 80% ภายในเวลา 18 นาที และชาร์จไฟเพียง 5 นาที จะให้ระยะทางวิ่งได้ 100 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP)
สำหรับ Maserati GranCabrio ทั้งรุ่น TROFEO และ FOLGORE สามารถสั่งจอง และรอรับรถได้เลย แต่ถ้าต้องรุ่นแบบปรับแต่งพิเศษจะต้องใช้เวลารอราว 5- 6 เดือน
โดย Maserati GranTurismo ทั้ง 2 รุ่นพร้อมให้ผู้ชมเข้าไปสัมผัส และชมตัวจริงได้ที่ในงาน Motor Show 2025 ครั้งที่ 46 ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้