จากภายในงาน Mazda Press Conference ทางมาสด้าได้ประกาศที่จะทุ่มทุนกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนั้นยังประกาศที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่นภายใน 3 ปี โดยจะประเดิมส่งรถไฟฟ้า Mazda 6e เป็นโมเดลแรกในปี 2568 นี้
สำหรับ Mazda 6e เป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าที่เป็นผลงานการร่วมทุนกันระหว่าง Mazda และ ChangAn โดยเปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน ในชื่อ Mazda EZ-6 ใที่มีให้เลือกทั้งขุมพลัง EV ไฟฟ้า 100% และ EREV รุ่นขยายระยะทาง
ต่อมาก็ได้นำไปโชว์ตัวในตลาดยุโรปก่อนที่จะมีกำหรดการณืจะเปิดวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2025 นี้ ขณะที่ในตลาดเมืองไทยนั้นทมีการยืนยันแล้วว่า Mazda 6e เตรียมที่จะนำเข้ามาจัดหน่ายในบ้านเราปี 2568 นี้ โดยจะเป็นการนำเข้ามาจากประเทศจีน
Mazda 6e หรือ Mazda EZ-6 ถูกพัฒนา แะลสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Deepal L07 ในด้านรูปลักษณ์หน้าตาจะมาพร้อมปรัชญาการออกแบบ ‘Soul of Motion‘ ของทาง Mazda กระจังหน้ามาในทรง Signature Wing ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางมาสด้า แต่ปรับให้เป็นแบบปิดทึบ ตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า
ตรงกลางติดตรามาสด้าแบบเรืองแสง ที่จะเป็นเม็ดสีแบบนาโน เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับรูปลักษณ์ โดยสามารถปรับเปลี่ยนสีได้ 2 สี ได้แก่ สีเทา moon grey” และ สีทอง radiant gold ซึ่งใช้เม็ดสีระดับนาโนเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับรูปลักษณ์
ส่วนด้านข้างตัวกระจังหน้ามาพร้อมไฟเมทริกซ์แบบเรืองแสงเช่นกัน โดยมีไฟหน้า LED ทรงเพรียวบาง โดยทาง Mazda เรียกกลุ่มไฟ LED ว่า Wings of Light อีกทั้งยังเสริมความหรูหราด้วยการตกแต่งขอบชายล่างรอบคันด้วยเส้นสายโครเมียม
เส้นสายด้านข้างตัวรถจะจะมาพร้อมกับความหรูหราด้วยคิ้วโครเมียมที่กรอบกระจกบานข้าง นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับประตูแบบไร้กรอบ และมือเปิดประตูเป็นแบบราบเรียบไปกับตัวรถ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ที่รัดดด้วยยางขนาด 245/45 R19
ด้านท้ายของ Mazda 6e จะมาในแบบลาดเทตามสไตล์รถคูเป้ มากับชุดไฟท้าย LED ที่วางพาดเต็มพื้นที่ ด้านในยังคงเอกลักษณ์ของทางมาสด้าไว้ ด้วยชุดไฟท้ายแบบทรงกลม มาพร้อมสปอยเลอร์ท้ายในตัวโดยเป็นแบบแอฟทีฟ
ในด้านขนาดตัวรถของจะมีความยาว 4,921 มม. ความกว้าง 1,890 มม. ความสูง 1,485 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2895 มม.
ภายในห้องโดยสาร จากภาพจะมาในเฉดสีน้ำตาล / ดำ มาพร้อมงานออกแบบมาในสไตล์มินิมอลที่เรียบหรู ลดการใช้ปุ่มสั่งงานต่าง ๆ โดยในแผงแดชบอร์ดจะได้รับการติตดั้งแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.2 นิ้ว ที่ถูกฝั่งไว้บนแผงคอนโซลหน้ามาพร้อมปีกบังแดดที่ด้านบน อีกทั้งยังได้รับหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.6 นิ้ว ที่วางแบบลอยตัว
ส่วนช่องแอร์ออกแบบให้มาในทรงเรียวเล็ก โดยคู่กลางจะวางอยู่ใต้หน้าจออินโฟรเทนเมนต์ มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape ที่หุ้มด้วยหนังแบบทูโทน
คอนโซลกลางออกแบบดีไซน์ให้เป็นแท่งยาวเชื่อมต่อกับคอนโซลหน้า ด้านบนจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยมีแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย 2 ตำแหน่ง มาพร้อมช่องวางแก้ว หรือขวดน้ำขนาดใหญ่ 2 ช่อง
ด้านตัวเบาะที่นั่งจะเน้นความพรีเมียม โดยจะถูกหุ้มด้วยหนัง Nappa สลับหนังกลับที่ถูกตัดเย็บด้วยลวดลายตะเข็บไขว้ เบาะนั่งคู่หน้ามาในแบบ Zero-Gravity ซึ่งสามารถปรับเอนจนเกือบราบเรียบได้ รวมทั้งยังปรับระดับไฟฟ้า 14 ทิศทาง มาพร้อมฟังก์ชันนวด 8 จุด
ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายจะมีความจุอยุ๋ที่ 479 ลิตร และสามารถเพิ่มพื้นที่ได้มากถึง 1,174 ลิตร เมื่พับเบาะลง อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บของด้านหน้าที่มีความจุ 99 ลิตร
ด้านชุดอุปกรณ์ภายใน จะได้รับชุดเครื่องเสียงของทาง Sony พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง, ชุดไฟ Ambient Light รอบห้องโดยสารที่ปรับได้ 64 สี ขณะที่ภายในห้องโดยสารจะรองรับการสลับโหมดฉากได้ 13 โหมด นอกจากนี้ยังมีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิก
ด้านระบบระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จะมาระบบช่วยเหลือการขับขี่ L2.5 อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบผสมผสาน, ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าพร้อม Stop & Go, ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยแจ้งเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลื่อนเลน, ระบบช่วยเตือนเหากเสี่ยงต่อการโดนชนดา้นหลัง, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถมาในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถมาในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนประตูขณะเปิด, ไฟสูงอัตโนมัติ และระบบช่วยเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ Mazda 6e จะมากัยมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่ที่คู่ล้อหลัง โดยสเปคที่ในจีนจะให้กำลัง 190 kW (258 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 170 กม./ชม. มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ไอออนฟอสเฟตที่มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 56.1 kWh และ 68.8 kWh ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 480 / 600 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC)
ขณะที่สเปคที่จะวางขายในยุโรปจะมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Standard Range และ Long Range
- รุ่น Standard Range จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 190 kW (255 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด จะอยู่ที่ 175 กม./ชม. จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion LFP ความจุ 68.8 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 483 กม.
- รุ่น Long Range จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 177 kW (241 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ที่มีความจุ 80 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 555 กม.
ส่วนสเปคที่จะนำเข้ามาขายในบ้านเรานั้นต้องมารอลุ้นกันว่าจะเป็นแบบไหน โดยทางมาสด้าประเทศไทยพร้อมที่จะนำ Mazda 6e เข้ามาวางขายในไทยในปี 2568 นี้ โดยจะเป็นรถรุ่นใหม่จาก 5 รุ่นที่จะเปิดในไทยภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2568 – 2570 ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- ปี 2025 – BEV รถไฟฟ้า Mazda 6e
- ปี 2026 – BEV รถไฟฟ้า คาดว่าเป็น Mazda CX-6e
- ปี 2026 – PHEV คาดว่าเป็น CX-80
- ปี 2027 – HEV/MHEV Hybrid/Mild Hybrid คาดว่าเป็น CX30 หรือ CX-40
- ปี 2028 – HEV/MHEV Hybrid/Mild Hybrid คาดว่าเป็น CX-20
ทั้งนี้หากมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาทางทีมงาน Autostation.com จะรีบนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง