หลังจากที่ปล่อยให้เพื่อนบ้านเปิดตัววางจำหน่าย All-New Mitsubishi XForce กันไปเป็นปี ๆ ล่าสุดได้ทางมิตซูบิชิประเทศไทย เตรียมที่จะเปิดตัว Mitsubishi XForce HEV ใหม่แล้ว โดยจะมีขึ้นในวันที่ 20 มี.ค. ที่จะถึงนี้
สำหรับ Mitsubishi XForce HEV ที่จะเปิดตัวในไทยครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของโลกที่จะมากับขุมพลังไฮบริด ที่จะเป็นเครื่องยนต์ 1.6 Hybrid ซึ่งแตกต่างจากเวอร์ชั่นที่เปิดตัวในอินโดนีเซีย / ฟิลิปปินส์ และเวียดนา่มที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร 105 แรงม้า
สำหรับ All-New Mitsubishi XForce HEV คาดว่าในด้านงานออกแบบดีไซน์ตัวรถนั้นคงจะเหมือนกับในรุ่นเครื่องยนต์ ICE โดยตัวรถจะถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Mitsubishi XFC Concept ในด้านงานดีไซน์ด้านหน้ายังคงมาในแนวทางงงานออกแบบที่เรียกว่า Dynamic Shield มาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ ติดตรา โลโก้ทรีไดมอนด์สีเงิน ขณะที่ชุดไฟหน้า และไฟท้ายมาในทรง T-Shape ดีไซน์ล้ำสมัย
ดีไซน์ด้านข้างออกแบบให้มีเส้นสายที่ดูคมชัด มาพร้อมโป่งซุ่มล้อขนาดใหญ่ที่สอดรับเข้าชุดกับล้อขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง 225/50/R18
ส่วนด้านท้ายจะติดตั้งกันชนท้านขนาดใหญ่ เสริมคววามสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาและเสาอากาศแบบครีบฉลาม
ในด้านมิติขนาดตัวรถจะเป็นเอสยูวีขนาด B- Senment โดยมีความยาว 4,390 มม., กว้าง 1,810 มม., สูง 1,660 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,650 มม. นอกจากนั้นยังออกแบบให้มีความสูงจากพื้นถนนหรือ Ground Clearance ถึง 222 มม. มาพร้อมมุมไต่ 21.0 องศา, มุมจาก 30.5 องศา, มุมคร่อม 20.5 องศา เพื่อให้สามารถรองรับการขับขี่ในเส้นทางออฟโรดได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสารก็คาดว่าจะยกดีเทล รายละเอียดจาสกเวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปล้วนมาทั้งชุด โดยตัวเบาะที่จะรองรับได้ 5 ที่นั่ง ซึ่งทางมิตซูบิชิ เคลมว่าจะมีความกว้างขวางมากกว่าในรถกลุ่มเดียวกัน เบาะที่นั่งหุ้มด้วยวัสดุ Mélange ที่ถูกเคลมว่ากันน้ำได้ เบาะด้านหลังที่สามารถปรับพับแยกแบบ 40:20:40
แผงแดชบอร์ดมาพร้อมความล้ำสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Digital Driver Display ที่มีขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ที่วางอยู่ในแผงเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium มาพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บความเย็น, แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, พอร์ต USB ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, ชุดไฟสร้างบรรยากาศโดยรอบ, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบ Brake Auto Hold มาพร้อมเบรกมือไฟฟ้า EPB, ชุดไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมเทคโนโลยี Nanoe-X รวมทั้งยังได้รับฟังก์ชัน Hands-free Power Liftgate เปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับขุมพลัง HEV ที่คาดว่าเป็นบล็อกดียวกันกับที่อยู่บนตัว Mitsubishi Xpander HEV ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า 134 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 kW ที่ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า 255 นิวตัน-เมตร Full Hybrid ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ไปยังคู่ล้อหน้า
ซึ่งแตกต่างจากรุ่นที่วางขายในเพื่อนบ้านย่านอาเซียนด้วยกัน ที่จะเป็นขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT
นอกจากนี้ XForce HEV ว่าที่เอสยูวีใหม่ในตลาดเมืองไทยจะมากับโหมด Wet ที่เหมือนกับบนตัว Xpander HEV ซึ่งเป็นโหมดที่พัฒนาขึ้นสำหรับสภาพอากาศแ ละสภาพถนนของภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก รวมถึงอาจยังจะได้รับการติดตั้งระบบ Active Yaw Control (AYC) ที่จะช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ที่เป็นระบบท๊อปฮิต สร้างชื่อของทางมิตซูบิชิ
ขณะที่ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังแบบทอร์ชันบีม มาพร้อมระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
ในด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมากับระบบ ADAS แบบชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่, ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง, ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะถอยหลัง, กล้องหลัง, เซ็นเซอร์ช่วยจอด, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมช่วยชะลอความเร็ว,ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา, ระบบเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร,ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ที่ความเร็วต่ำ
สำหรับ Mitsubishi XForce HEV จะเป็นรถรุ่นใหม่ที่ได้รับการผลิตขึ้นที่โรงงานในไทย โดยจะได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มีนาคม นี้ ส่วนราคาจำหน่ายลุ้นไม่เกิน 7-8 แสนบาท
ทั้งนี้หากมีข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมออกมาทางทีมงาน Autostation.com จะรีบนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบโดยทันที