หลังจากที่เมื่อปลายปี 2567 ที่งาน Motor Expo 2024 ทางนิสสัน ได้เปิดตัว Nissan SERENA S-Hybrid (C27) รถเอ็มพีวีขุมพลัง Hybrid 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย
มาในปีนี้ที่งาน Motor Show 2025 ทาง Nissan (ประเทศไทย) ได้เพิ่มไลน์อัพของรถ MPV ด้วยการเปิดตัว Nissan SERANA e-POWER (C28) โดยเปิดราคาจำหน่ายไว้ที่ 1,690,000 บาท
มาพร้อมการรับกันดังนี้
- รับประกันตัวรถ 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร
- การรับประกันระบบขับเคลื่อน อี-พาวเวอร์ นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
- รับประกัน 10 ปี สำหรับแบตเตอรี่กำลังสูงในระบบ อี-พาวเวอร์ โดยไม่จำกัดระยะทาง
สำหรับ Nissan SERANA e-POWER C28 (นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่) เป็นรถเอ็มพีวีที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน ชุดจุดเด่นมากับเทคโนโลยี e-POWER (อี-พาวเวอร์) ที่ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ให้กำลังมากถึง 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร สามารถออกตัวได้เร็ว เร่งแซงได้อย่างทันใจ มั่นใจ โดยไม่ต้องรอรอบ เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100%
ในด้านงานออกแบบดีไซน์จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจาก Nissan SERENA S-Hybrid (C27) โดยจะมากับโฉมใหม่ทั้งภายนอกภายใน โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบใหม่ของนิสสัน สะดุดตายิ่งขึ้นด้วย
ด้านหน้าของตัวรถจะมากับกระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำเงา พร้อมแถบโครเมียมดีไซน์แบบ Next Generation V-Motion ให้ความโดดเด่น สื่อถึงพลังที่พร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า สัมผัสได้ถึงความสง่างาม เรียบหรู ทันสมัย มีสไตล์ สะท้อนถึงคุณภาพ และนวัตกรรมอันโดดเด่น
กันชนหน้า และหลังออกแบบให้เป็นสเกิร์ตล่างในตัว ไฟหน้า และหลัง เป็นแบบ Full LED ที่ออกแบบได้อย่างกลมกลืนกับดีไซน์รถโดยรวม และดูล้ำสมัย มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว สีทูโทนในดีไซน์ใหม่ เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วย สปอยเลอร์หลังคา และสปอยเลอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต โดยรูปโฉมภายนอกที่ปรับเปลี่ยนใหม่นอกจากจะเพิ่มความโฉบเฉี่ยว และปราดเปรียว ยังช่วยลดสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd.) ส่งผลต่อเสียงรบกวนที่ลดลงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้อีกด้วย
ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีความยาว 4,765 มม. ความกว้าง 1,715 มม. ความสูง 1,870 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,870 มม. มาพร้อมความสูงใต้ท้องรถ 135 มม. มีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุด 5.7 เมตร โดยมีน้ำหนักรถโดยประมาณ 1,797 กก.
Nissan SERANA e-POWER มากับประตูบานสไลด์อัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรีทั้ง 2 ด้าน โดยสามารถควบคุมการเปิด-ปิด ได้จากสวิตช์ควบคุมในตำแหน่งต่างๆ รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน hand-free เพียงยื่นเท้าไปที่เซ็นเซอร์บริเวณเสากลาง ประตูรถจะเลื่อนเปิดอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีน้ำหนักของบานประตูที่เบา เปิดได้ง่ายทั้งแบบเต็มบาน หรือครึ่งบาน
ดีไซน์ภายในที่เน้นความกว้างขวาง โดยทางผู้ผลิตเผยว่า นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่ จะมีห้องโดยสารที่กว้างขวางมากที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกัน
ตัวเบาะที่นั่งจะเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (2+2+3) โดยในที่นั่งแถวที่ 2 เป็นที่นั่งแบบ Captain seat ที่มีพื้นที่วางขามากขึ้น เบาะที่นั่งสามารถปรับได้อิสระ 4 ทิศทาง (เลื่อนหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา) และแยกออกจากกันได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ระหว่างที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก แต่ยังคงมีความเป็นส่วนตัวสูง
ส่วนแถวที่ 3 รองรับ 3 ที่นั่ง เบาะมีความหนานั่งสบาย สามารถปรับพนักพิงให้เอนราบได้ รวมถึงปรับเลื่อนได้อย่างอิสระ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ทางด้านหลังโดยยังคงมีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายในเบาะที่นั่งแถว 3 แต่ก็พับเบาะนั่งเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้อีกด้วย
อีกทั้งตัวเบาะที่นั่งยังปรับได้มากถึง 13 รูปแบบ อาทิ โหมดขนกระเป๋า หรือสัมภาระชิ้นยาวอย่างถุงกอล์ฟ, โหมด travel-to-the-sea เพิ่มพื้นที่ช่วงขา โดยปรับเลื่อนที่นั่งแถว 2 และ 3 ไปด้านหลัง, โหมด Fun-at-the-back ที่ปรับเบาะที่นั่งแถว 2 และ 3 ราบ ให้กลายเป็นที่นั่งราบเหมือนห้องนั่งเล่น
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับกระจกบานใหญ่รอบคันทั้งกระจกหน้า และหน้าต่างด้านข้าง ให้ทัศนวิสัยรอบด้านที่ดีเยี่ยม รวมทั้งให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง ช่วยลดอาการเมารถ ให้ความเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้านนอกได้เต็มที่
โดยในตัวกระจกหน้าต่างผู้โดยสารตอนหลังจะเป็นแบบ UV Cut ช่วยลดความร้อน และรังสี UV นอกจากนี้ กระจกบานหน้า และหน้าต่างประตูคู่หน้า ยังเป็นแบบ Acoustic Glass หนา 2 ชั้น ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก
นอกจากนั้นยังมีห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวาง เก็บของได้มากโดยไม่ต้องพับเบาะหลัง แต่หากต้องการขนสัมภาระขนาดใหญ่ ก็สามารถพับเบาะได้ รวมทั้งยังมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้พื้น
ด้านชุดอุปกรณ์ภายใน เพิ่มความสะดวกสบายมากมาย อาทิ ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด, ช่องชาร์จ USB ทุกแถวที่นั่ง รวมทั้งหมด 6 จุด (5 USB-C, 1 USB-A) และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย 1 ตำแหน่ง, โต๊ะเล็กอเนกประสงค์ในแถวที่ 2 และ 3 สำหรับวางสิ่งของ, ชุดไฟ Ambient Light, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยก 3 โซน, ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 2
นอกจากนี้ยังมีระบบฟอกอากาศแบบ Plasmacluster ที่ช่วยลดฝุ่น PM2.5, ฝาท้ายอเนกประสงค์แบบ Dual Back Door
ขณะที่ในส่วนของแผงแดชบอร์ดหน้า ออกแบบใหม่ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน มาพร้อมปุ่มกดต่างๆ บนแผงหน้าปัดที่สะดวก เอื้อมถึงได้ง่าย โดยแผงคอนโซลหน้าจะได้รับการติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมกราฟิกเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ และยังปรับการแสดงผลได้ 2 รูปแบบ สามารถเลือกโฮมสกรีนในรูปแบบที่ต้องการได้ รวมทั้งยังมีปุ่ม Camera สำหรับระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitoring ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะกับเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ให้พลังสูงถึง 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร สามารถออกตัวได้เร็ว เร่งแซงได้อย่างทันใจ มั่นใจ โดยไม่ต้องรอรอบ เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% มากับยเครื่องยนต์สันดาปสำหรับสร้างกระแสไฟฟ้า ขนาดความจุ 1,400 ซีซี 3 สูบ แบบหัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชั่น รองรับน้ำมัน E10 ให้กำลัง 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัวเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.77 kWH
มาพร้อมเทคโนโลยี Mirror Bore Coating ยังช่วยลดแรงเสียดทาน และลดเสียงจากการสั่นสะเทือน ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินได้เรียบและเงียบมาก
นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่ ยังติดตั้งระบบ e-Pedal Step ให้ความสะดวกในการเร่ง และชะลอความเร็วได้ในคันเร่งเดียว
นอกจากนั้นยังมากับปุ่มกดสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ ที่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มแทนการโยกคันเกียร์ รวมถึง N Hold Mode ที่ทำให้สามารถเข็นรถได้ง่ายเมื่อจอด ให้ความสะดวกเมื่อต้องจอดซ้อนคัน รวมถึงเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold ที่เสริมความสะดวกในการใช้งาน
นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่ มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมดหลัก ได้แก่ Standard Mode / Sport Mode และ Eco Mode โดยมี ฟังก์ชัน B ที่เพิ่มแรงหน่วง หรือ ช่วยเบรก และเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน หรือ Regenerative รวมถึง EV Mode ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ
ด้านระบบช่วงล่าง ด้านหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบทอร์ชันบีม คอยล์สปริง มาพร้อมดิสก์เบรกหน้า และหลัง ที่มาพร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
ในด้านระบบความปลอดภัยจะมากับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Nissan Safety Shield อาทิ ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบเบรกฉุกเฉิน, ระบบเตือนจุดอับสายตา,ระบบเตือน และตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง, ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ, กระจกมองหลังอัจฉริยะ, ไฟสูง- ต่ำอัตโนมัติ, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า และถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด
Nissan SERANA e-POWER ใหม่ จะมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 6 สีได้แก่ สีฟ้าเทอร์ควอยซ์บลู หลังคาดำ, สีขาวปริซึมไวท์ หลังคาดำ, สีขาวปริซึมไวท์, สีดำไดมอนด์แบล็ค, สีเทากันเมทาลิก และสีเงินบริลเลียนท์ ซิลเวอร์
นอกจากจะเปิดตัว นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ใหม่ นิสสันยังคงนำรถยนต์รุ่นหลักคุณภาพเยี่ยมที่ได้รับรางวัล Car of The Year มากมายมาจัดแสดงในงาน ได้แก่ นิสสัน เซเรน่า ที่ได้รางวัล Car of The Year ประเภท รถยนต์ เอ็มพีวี ขนาดกลาง (Best mid-size MPV)
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ “คันเดียวที่ใช่ ทั้งแรงทั้งประหยัด” ที่ได้รางวัล Car of The Year ประเภท รถยนต์ เอสยูวีเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาดความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1.300 ซีซี (Best Hybrid SUV under 1,300 cc)
นิสสัน นาวารา “ทน พร้อม ลุย” ที่ได้รางวัล Car of The Year ประเภท รถยนต์กระบะยกสูงขนาดความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี (Best high-lift Pickup under 2,500cc) นิสสัน อัลเมร่า “แรงจริง จัดให้” และ นิสสัน เทอร์ร่า “คันเดียวจบครบเกินคุ้ม” รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว
พร้อมโปรโมชั่นพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2568 ที่จะทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพเยี่ยมได้ง่ายยิ่งขึ้นกับแคมเปญ SAY YES! ที่หลากหลายสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการของตนเอง ตั้งแต่ดอกเบี้ยต่ำ 0% ไปจนถึงผ่อนนาน 96 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
ผู้ที่สนใจ สามารถแวะมาเยี่ยมชมบูธนิสสันในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ได้ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ