หลังจากที่ทาง Volvo แบรนด์รถหรูจากประเทศสวีเดน ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายอย่างในรุ่น XC40 Recharge และ C40 Recharge ให้กลายเป็น EX40 และ EC40 พร้อมถอดคำต่อท้ายว่า “Recharge” ออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับตามชื่อของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ของทางแบรนด์อย่าง EX30, EX90 และ EM90 รวมทั้งยังช่วยให้ลูกค้าหน้าใหม่เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าชื่อแบบนี้จะเป็นประเภทรถยนต์ไฟฟ้า
ล่าสุดทางวอลโว่คาร์ (ประเทศไทย) เตรียมที่จะเปิดตัว Volvo EC40 และ Volvo EX40 เอสยูวีไฟฟ้าชื่อใหม่ ในตลาดเมืองไทยในวันที่ 9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งก่อนจะถึงวันเปิดตัวเผยโฉมอย่างเป็นทางการในไทย เรามาทำความรู้จักเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ชื่อใหม่คันนี้กันก่อน
สำหรับ Volvo EC40 และ Volvo EX40 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในสไตล์ครอสโอเวอร์คูเป้ เหมือนกับใน Volvo C40 เอสยูวีไฟฟ้าที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เปิดตัวในบ้านเราเมื่อราว 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในรุ่นใหม่นี้จะได้รับการอัพเกรดขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ให้จัดจ้านมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ Performance ใหม่ อีกทั้งยังมีตัวเลือกที่เป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ชาร์จไวกว่าเดิม แถมวิ่งไกลมากกว่าเดิม
ในด้านงานดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของววอลโว่ด้วยตะแกรงแบบฝาครอบปิดสีเดียวกับตัวถัง ประดับด้วยตราสัญลักษณ์ Volvo เรียบหรู มินิมอล ตามแบบฉบับสแกนดิเนเวียน ไฟหน้าที่มาพร้อม Pixel Technology Headlight โดยใช้เซ็นเซอร์กล้องหน้าควบคุมการเปิดปิดของหลอดไฟ LED ทั้งหมด 84 ดวง มาพร้อมไฟ DRL ที่มาในรูปแบบ Thor’s Hammer บริเวณชายด้านล่างของตัวรถ จะติดตั้งสเกิร์ตสีดำ ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งให้กับตัวรถ มาพร้อมล้ออัลลอยจะมีขนาด 19 นิ้ว ลาย Diamond Cut
ด้านหลังจะโดดเด่นด้วยเส้นหลังคา Slimmed Crossover Roof Line ที่ออกแบบมาให้รับกับทรงท้ายลาดต่ำตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์คูเป้ นอกจากนี้เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้จะเป็นช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุที่ 31 ลิตร
ภายในห้องโดยสารจะถูกออกแบบให้มีความเรียบหรู ทันสมัย แผงคอนโซลหน้าในสไตล์ Topography Translucent Decor ตกแต่งด้วยวัสดุแบบบุนุ่มทั้งหมด
แผงแดชบอร์ดจขะมากับหน้าจอ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอมัลติมีเดีย ขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับระบบปฎิบัติการของ Google สามารถใช้งานแอพลิเคชั่นของ Google ได้ทั้งหมด พร้อมสั่งงานด้วยเสียงโดยการใช้คำสั่ง “Hey Google” มาพร้อมระบบเครื่องเสียงจากทาง Harman Kardon
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมีทั้งแบบในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ที่ถูกเพิ่มเข้ามาหลังจากที่ไม่มีระบบขับเคลื่อนด้วยล้อหลังในรถของตนมาตั้งแต่ปี 1998 หรือ 25 ปีที่แล้ว โดยในสเปคที่เปิดตัวในยุโรปนั้นจะมีทั้งรุ่น Standard Range และ รุ่น Extended Range
สำหรับในรุ่น Standard Range จะถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหลังให้กำลังสูงสุด 175 kW (235 แรงม้า) แรงบิด 420 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. จับคู่กับแบตเตอรี่ความจุ 69 kWh ที่มีการปรับปรุงระบบระบายความร้อนใหม่ โดยในรุ่น EC40 ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 590 กม. ขณะที่ในรุ่น ิจะวิ่งได้ระยะทาง 565 กม. (NEDC) พร้อมรองรับการชาร์จไฟ DC ขนาด 150 kW ให้กำลังไฟ 10 – 80% ได้เวลา 34 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังการชาร์จ 11 kW ชาร์จไฟเต็มในเวลาเพียง 7 ชม.
ส่วนในรุ่น Extended Range ที่มีพละกำลัง และระยะทางที่มากกว่าในรุ่น Standard Range จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังมากขึ้นโดยจะมีขนาด 185 kW (248 แรงม้า) ส่วนแบตเตอรี่จะมีขนาด 82 kWh โดยในรุ่น EC40 เมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ไกลถึง 515 กม. ส่วนตัว EX40 ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 533 กม. ด้านการชาร์จไฟในรุ่น Extended Range รองรับการชาร์จด่วนแบบ DC ขนาด 200 kW สามารถชาร์จไฟจาก 10 – 80% ในเวลาเพียง 28 นาทีเท่านั้น
นอกจากในรุ่นมอเตอร์เดี่ยวแล้ว ทั้งสองโมเดลก็มีในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทาง Volvo พัฒนาขึ้นมาเองภายใน โดยเป็นมอเตอร์ Permanent Magnet e-Motor ที่ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ด้านหลังและมอเตอร์ไฟฟ้า Asynchronous 157 แรงม้าที่ด้านหน้า ในด้านอัตราเร่งของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ในรุ่น EX40 จะมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.9 วินาที ส่วนในรุ่น EC40 จะทำเวลาได้อยู่ที่ 4.7 วินาที
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ขนาด 82 kWh ที่มีการปรับปรุงระบบระบายความร้อน ส่งผลให้ EX40 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 500 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ส่วนในรุ่น EC40 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ชาร์จไฟเต็มจะวิ่งไกลถึง 507 กม.
ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นสเปครายละเอียดเวอร์ชันในต่างประเทศ ส่วนในสเปคที่จะเปิดตัวในไทยนั้นต้องมารอดูกันว่าจะมีตัวไหน แบบไหน มาวางจำหน่ายในบ้านเรากันบ้าง แต่ที่แน่ ๆ จากภาพทีเซอร์ที่ทางวอลโว่ปล่อยออกมาเวอร์ชันที่จะเปิดตัวในไทยนั้นจะมีในรุ่นชุดแต่ง Black Edition ที่มาในเฉดสีดำ Onyx Black
